ปัจจุบันคนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจและนิยมซื้อFish oilหรือน้ำมันปลากัน เพื่อเป็นการดูแลรักษาสุขภาพอีกทางหนึ่งก็คือการทานอาหารเสริม ที่จะสามารถช่วยในเรื่องระบบต่างๆภายในร่างกาย คนจึงได้หันมาสนใจFish oilเพราะคนส่วนใหญ่จะรู้ว่าประโยชน์ของน้ำมันปลาคือช่วยบำรุงสมองและความจำ แต่จริงแล้วประโยชน์ของFish oilมีมากกว่านั้นที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้
Fish oil คืออะไร ?
Fish oil หรือ น้ำมันตับปลา คือน้ำมันที่จะต้องผ่านกระบวนการ การสกัดเอาน้ำมันจากส่วนต่างๆของปลา เช่น หนังปลา เนื้อปลา หัวปลา และหางปลา โดยการที่จะทำน้ำมันปลา(Fish oil)จำเป็นที่จะต้องใช้ปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล และปลาทูน่า ซึ่งปลาเหล่านี้จะมีน้ำมันที่เป็นกรดไขมันสำคัญหลายชนิด Omega-3ในปลาทะเลน้ำลึกจะมีปริมาณมากกว่าปลาน้ำจืด โดยจะมีกลุ่ม Omega-3 สูงสุดถึง 1-4 กรัมต่อเนื้อปลา 1 ตัว
ประโยชน์ต่อร่างกายของ Fish oil (น้ำมันปลา)
อย่างที่คนส่วนใหญ่ทราบกันว่าFish oilหรือน้ำมันปลานั้นมีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเราอย่างมาก เพราะFish oilถือว่าเป็นอาหารเสริมที่มีสารอาหารมาจากธรรมชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณค่า และประโยชน์ต่างๆมากมาย ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ได้หันมานิยมทานน้ำมันปลากัน เพราะประโยชน์ของFish oilสามารถให้ประโยชน์ต่อร่างกายของคุณได้ ดังนี้
Fish oil ช่วยลดไขมันในหลอดเลือด
ภายในแคปซูลของFish oilหรือน้ำมันปลา จะมีส่วนที่สามารถช่วยในเรื่องของการลดการสร้างไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ภายในตับ แถมยังช่วยลดคอเลสเตอรอลภายในหลอดเลือดอีกด้วย การทานน้ำมันปลานั้นยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดอีกด้วย สำหรับคนที่จะต้องทานยาลดระดับไขมันในเลือดสูงก็สามารถทำการทานน้ำมันปลาร่วมได้เช่นกัน
Fish oil ช่วยเรื่องบำรุงสายตา
ภายในน้ำมันปลาจะมีกรดไขมันOmega-3อยู่ด้วย ซึ่งกรดไขมันอันนี้จะเข้าไปช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตา การทานกรดไขมันOmega-3ที่อยู่ภายในผลิตภัณฑ์Fish oilจะช่วยให้มีปริมาณของน้ำตามากขึ้น จึงทำให้ดวงตาของคุณมีความชุ่มชื้นและช่วยให้ตาไม่แห้ง ที่เป็นสาเหตุหลักของสายตาที่พร่ามัว
Fish oil มีประโยชน์ต่อการบำรุงสมอง
การทานFish oil(น้ำมันปลา) จะเข้าไปช่วยในส่วนของสมองด้วย โดยจะสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อมได้ เพราะภายในน้ำมันปลามีกรดไขมันDHA ที่จะเข้าไปเพิ่มสารที่ช่วยกดการสร้างเส้นใยภายในสมอง ซึ่งเส้นใยนี้จะเข้าไปทำลายใยประสาทในส่วนของความทรงจำ จึงทำให้การทานFish oilนั้นช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์และโรคสมองเสื่อมได้
Fish oil มีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจ
กรดไขมันที่อยู่ภายในผลิตภัณฑ์Fish oil ยังเข้าไปช่วยในเรื่องของ การยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด และยังช่วยลดไขมันในเลือดอีกด้วย เพราะฉะนั้นการทานน้ำมันปลาช่วยป้องกันการอุดตันของเลือดที่จะเข้าไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ โดยเฉพาะที่บริเวณหัวใจและสมอง
ประโยชน์ของFish oil ช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อ
Fish oilหรือน้ำมันปลา มีส่วนช่วยในเรื่องของการบรรเทาอาการปวดตามข้อได้ เนื่องจากภายในน้ำมันปลามีกรดไขมันOmaga-3 ที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อ และลดการอักเสบได้ แถมFish oilยังช่วยลดอาการยึดตามข้อต่างๆ ในผู้ป่วยที่มีภาวะของอาการข้อเข่าเสื่อม
Fish oil สามารถช่วยลดความดันโลหิตสูง
กรดไขมันOmega-3 ที่อยู่ภายในFish oil(น้ำมันปลา) ยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการขยายตัวของหลอดเลือด ที่จะสามารถส่งผลให้ระบบการไหลเวียนต่างๆของเลือดดีขึ้น จึงทำให้คนที่ทานFish oilมีความดันที่ลดลง แต่น้ำมันปลาจะไม่มีผลกระทบต่อคนที่มีความดันโลหิตปกติอย่างแน่นอน
Fish oil ช่วยเรื่องการบรรเทาอาการปวดศีรษะ
การทานน้ำมันปลา(Fish oil) ภายในร่างกายอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของพรอสตาแกลนดิน แถมยังช่วยลดการหลั่งสารซีโลโทนิน ที่จะเป็นการส่งผลให้เกิดการเกาะตัวของหลอดเลือดที่ลดลง ในระยะที่จะมีการบีบตัวของหลอดเลือดภายในสมอง เพราะฉะนั้นการทาน Fish oil ก็สามารถช่วยลดอาการของปวดหัวไมเกรนได้
สารที่มีประโยชน์ใน Fish oil หรือน้ำมันปลา
ภายในFish oilหรือน้ำมันปลา จะมีส่วนประกอบที่สำคัญคือ Omega-3 ซึ่งกรดไขมันชนิดนี้เป็นกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว และเป็นกรดไขมันที่ภายในร่างกายของเราไม่สามารถทำการสร้างมันขึ้นมาได้เอง จำเป็นที่จะต้องได้รับจากการทานอาหารต่างๆเท่านั้น กรดไขมันOmega-3ถือว่ามีความจำเป็นต่อร่างกายมากๆ
เพราะOmega-3ที่อยู่ภายในFish oil(น้ำมันปลา) ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายและมีสารสำคัญได้แก่ กรดไขมันDHAและกรดไขมันEPA ที่จะเข้าไปช่วยลดอาการอักเสบ การปวดข้อ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ และช่วยในส่วนของสมองและความจำ ส่วนกรดไขมันDHA จะเข้าไปช่วยในเรื่องของดวงตาและสมอง ที่จะเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองในวัยเด็กได้อีกด้วย
ปริมาณ Fish oil ที่ควรบริโภค
เมื่อได้ทำการพูดถึงปริมาณที่ควรบริโภคของFish oil เพื่อเป็นการป้องกันอันตราย และเห็นผลในการใช้สารสกัดนี้ ทางองค์การอนามัยโลกจึงได้มีการแนะนำในเรื่องของการบริโภคFish oil โดยที่จะให้รับประทานปลาที่ให้ EPAและDHA วันละ 200-500 มิลลิกรัม และยังมีการแนะนำให้ทานOmega-3 ปริมาณ1.1 กรัมต่อวัน(ผู้หญิง) และ1.6 กรัมต่อวัน(ผู้ชาย) แต่ไม่ควรทานเกิน 3 กรัมต่อวัน
ความแตกต่างระหว่างน้ำมันปลากับน้ำมันตับปลา
ความแตกต่างของทั้ง 2 อย่างนี้คือ น้ำมันปลา(Fish oil)นั้นจะถูกสกัดมาจากส่วนต่างๆของปลาที่มีไขมัน เช่น ปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล และปลาแซลมอน หรือจะเป็นปลาทะเลน้ำลึกชนิดอื่นๆก็ได้ แต่ในขณะเดียวกันน้ำมันตับปลาจะถูกสกัดมาจากตับของปลาค็อด(Cod liver oil) โดยจะเรียกได้ว่าน้ำมันตับปลาก็ถือว่าเป็นน้ำมันปลาอีกชนิดหนึ่งนั่นเอง
Fish oil (น้ำมันปลา) และน้ำมันตับปลา สกัดมาจากอะไร
Fish oil (น้ำมันปลา) มีสารสกัดมาจากปลาในบริเวณของหนัง เนื้อ หัว และหาง แต่น้ำมันตับปลาจะมีสารสกัดมาจากตับของปลาค็อดที่เรียกกันว่า Cod liver oil
น้ำมันตับปลา มีสารสำคัญอะไรบ้าง
ภายในน้ำมันตับปลา มีวิตามินAและD โดยวิตามินA จะช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตาและยังช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ส่วนวิตามินD จะช่วยในเรื่องของการดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัสจากอาหารผ่านทางเยื่อบุลำไส้เข้าสู่ร่างกาย
น้ำมันตับปลา เหมาะสมกับใคร
เนื่องจากภายในน้ำมันตับปลามีวิตามินD ที่ช่วยเพิ่มการดูดซึมกลับของแคลเซียม และฟอสฟอรัส น้ำมันตับปลาจึงเหมาะกับคนที่เป็นโรคไต และเด็กที่มีปัญหาในเรื่องของกระดูก หรือมีภาวะเสี่ยงต่อกระดูกอ่อนอีกด้วย
ข้อควรระวังในการบริโภค Fish oil
ข้อควรระวังสำหรับคนที่กำลังจะซื้อน้ำมันปลาหรือFish oilมาทาน มีดังนี้
- สำหรับคนที่มีการแพ้ปลาทะเลหรือสารที่ใช้ในการผลิตน้ำมันปลา จำเป็นที่จะต้องสังเกตจากฉลากของตัวผลิตภัณฑ์ของแต่ละยี่ห้อ
- คนที่จำเป็นจะต้องทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพลิน
- คนที่มีความเสี่ยงเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด หรือคนที่มีสภาวะเลือดหยุดไหลยาก หรือคนที่มีความต้องการที่จะทำการผ่าตัดในระยะเวลานั้น
- สำหรับผู้ที่จะทานน้ำมันปลา(Fish oil) ไม่ควรทานOmega-3เกินวันละ 3000 มิลลิกรัม
สรุป
สรุปโดยรวมแล้วน้ำมันปลาหรือFish oil ถือว่าเป็นไขมันที่ถูกสกัดมาจากธรรมชาติ โดยจะเป็นการสกัดมาจากปลาทะเลน้ำลึก และเป็นปลาในบริเวณเขตหนาวที่จะมีการสะสมไขมันดีไว้ภายในร่างกาย โดยภายในFish oilนั้นจะมีกรดไขมันOmega-3 EPA และDHA กรดไขมันเหล่านี้ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ
โดยทางDerma Healthเป็นโรงงานผลิตอาหารเสริมแบบครบวงจร ที่มีการควบคุมการผลิตโดยเภสัชกรและทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ นวัตกรรมของเครื่องจักรที่ได้นำมาใช้ในการผลิตจะมีความทันสมัย ประสิทธิภาพสูง สามารถการันตีในเรื่องของคุณภาพ และมาตรฐานความปลอดภัยได้ในทุกขั้นตอนการผลิตอย่างแน่นอน