ฟิลเลอร์ใต้ตา

ปัญหาใต้ตาคล้ำ ตาลึกตาโบ๋ มีริ้วรอยร่องลึก เป็นเรื่องที่หลายคนกังวลใจ เพราะทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ อ่อนล้า และดูแก่กว่าวัย วิธีแก้ไขปัญหาเหล่านี้มีหลากหลายวิธี แต่หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและเห็นผลรวดเร็วที่สุด คือ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพราะสามารถแก้ไขร่องลึก เติมเต็มส่วนที่ขาดหาย และช่วยฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้กลับมาได้อย่างรวดเร็ว บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงหัตถการฟิลเลอร์ใต้ตา ว่าคืออะไร มีข้อดีและวิธีการฉีดอย่างไร และหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ห้ามทำอะไรบ้าง? มาตามอ่านกันได้เลย!



ฟิลเลอร์ใต้ตา คืออะไร ทำไมถึงเป็นหัตถการยอดฮิต

ฉีดใต้ตา

ฟิลเลอร์ใต้ตาคือการฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid หรือ HA) เข้าไปบริเวณใต้ตา เพื่อแก้ไขปัญหาร่องลึก ใต้ตาคล้ำ หรือความหย่อนคล้อย ซึ่งสาร HA เป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ จึงปลอดภัยและสามารถสลายไปเองได้ในระยะเวลา 6-18 เดือน การฉีดใต้ตาไม่ได้ช่วยเพียงเติมเต็มร่องลึก แต่ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณใต้ตา ดูสดใสและเปล่งปลั่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย

แล้วทำไมฟิลเลอร์ใต้ตาถึงเป็นหัตถการยอดฮิตได้ล่ะ? เนื่องการฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ปลอดภัยมากกว่าการเติมไขมันใต้ตา ใช้เวลาในการพักฟื้นน้อย ผลลัพธ์จะออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ อีกทั้งยังสามารถแก้ปัญหาใต้ตาได้ตรงจุดและเห็นผลทันทีหลังฉีด 


การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง 

การฉีด Filler ใต้ตาเป็นวิธีที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาบริเวณรอบดวงตาได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะในด้านความสวยงามและโครงสร้างผิวที่เสื่อมสภาพ รวมถึงช่วยปรับปรุงภาพรวมของใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และสดใสขึ้น ซึ่งปัญหาหลักที่ฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถแก้ไขได้ คือ

  • ปัญหาร่องลึกใต้ตา ที่เกิดจากการยุบตัวของเนื้อเยื่อหรือไขมันใต้ผิว ทำให้ใต้ตาดูลึกและใบหน้าดูเหนื่อยล้า การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ดูเรียบเนียน ทำให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นทันที
  • ปัญหาใต้ตาคล้ำ เกิดจากหลอดเลือดที่เห็นชัดเจนหรือการสูญเสียความหนาของผิวใต้ตา ฟิลเลอร์ใต้ตาจะเข้าไปช่วยเพิ่มชั้นปกคลุมบริเวณที่บาง และลดการมองเห็นเส้นเลือด ส่งผลให้ใต้ตาดูสว่างขึ้น
  • ปัญหาถุงใต้ตาบางประเภท เช่น การยุบตัวของเนื้อเยื่อรอบๆ ถุงใต้ตา ทำให้ถุงดูเด่นชัด การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยปรับสมดุลระหว่างถุงใต้ตาและบริเวณรอบข้าง ทำให้ใต้ตาดูเรียบเนียนขึ้น
  • ปัญหาผิวใต้ตาแห้งและหย่อนคล้อย เมื่ออายุมากขึ้น ผิวใต้ตาจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้น ซึ่งในฟิลเลอร์จะมีส่วนประกอบของ Hyaluronic Acid ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวใต้ตาได้นั่นเอง 
  • ปัญหาใบหน้าไม่สมดุล ใต้ตาลึกหรือคล้ำอาจทำให้ใบหน้าดูไม่สมส่วน ฟิลเลอร์จะช่วยปรับรูปทรงใบหน้าและเสริมความสมดุล ทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม 

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยทั่วไปถือว่าปลอดภัย หากดำเนินการโดยแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในคลินิกที่ได้มาตรฐาน และใช้ฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อย. (ประเทศไทย) หรือ FDA (สหรัฐอเมริกา) อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ก็มีความเสี่ยง หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

โดยทั่วไปแล้วผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น คือ อาการบวม หรือช้ำ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยและจะหายไปเองภายใน 2-3 วันเท่านั้น แต่ในกรณีที่รุนแรง ก็อาจเกิดการติดเชื้อขึ้นได้หากไม่ได้ทำความสะอาดผิวบริเวณที่ฉีดอย่างถูกวิธี หรืออุปกรณ์ไม่สะอาดหรือคนไข้เกิดอาการแพ้สารฟิลเลอร์ ส่งผลให้เกิดอาการบวมแดง ปวด คัน มีตุ่มนูน หรืออักเสบได้ 

ในบางรายอาจมีอาการฟิลเลอร์เป็นก้อน ซึ่งเกิดจากฟิลเลอร์กระจายตัวได้ไม่ดีหรืออยู่ผิดตำแหน่ง ซึ่งเคสที่ร้ายแรงที่สุด ฟิลเลอร์อาจจะเข้าไปกดหรืออุดตันเส้นเลือดบริเวณใต้ตา ทำให้เลือดไม่ไหลเวียน อาจส่งผลให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นตาย และทำให้ตาบอดได้เลย 

ซึ่งวิธีลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้ คือ การเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์ด้านการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาโดยเฉพาะ เนื่องจากมีความรู้เรื่องโครงสร้างใบหน้าและเทคนิคการฉีดที่ปลอดภัยกว่า และควรตรวจสอบคุณภาพของฟิลเลอร์ที่ใช้ ว่าได้รับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถือหรือไม่ และเลือกทำในสถานพยาบาลที่สะอาด มีมาตรฐานความปลอดภัย มีการติดตามผลการรักษาอยู่ตลอด ทั้งนี้ตัวคนไข้เองก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนภายหลังตามมา


การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ลดความเสี่ยงหลังทำหัตถการ

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะการเตรียมตัวที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงามที่สุด ซึ่งมีข้อควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษา ผลลัพธ์ที่คาดหวัง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น แจ้งประวัติสุขภาพและยาที่กำลังรับประทานให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด
  • เลือกคลินิกที่มีมาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดใต้ตาโดยเฉพาะ
  • งดทานยาบางกลุ่ม เช่น ยาแอสไพริน ยากลุ่มต้านการอักเสบ (NSAIDs) เช่น ไอบูโปรเฟน เนโปรเซน และวิตามินบางชนิด เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เนื่องจากยาดังกล่าวอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้าลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการบวมช้ำได้
  • งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการฉีด 
  • งดสูบบุหรี่ เพราะอาจส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือดและทำให้การรักษาไม่เป็นผลดีเท่าที่ควร
  • งดอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสมุนไพรบางชนิด เช่น โสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เนื่องจากอาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงก่อนการรักษา
  • หลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์ใบหน้า เช่น การขัดผิว การนวดหน้า หรือการเลเซอร์ ก่อนฉีด 3-5 วัน
  • ควรล้างเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อระหว่างการฉีด

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีอะไรบ้าง?

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญและความละเอียดอ่อนของแพทย์ ขั้นตอนส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้และความซับซ้อนของปัญหาใต้ตา

  • แพทย์หรือพยาบาลจะทำความสะอาดบริเวณใต้ตาของคุณให้สะอาด ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาด้วยแอลกอฮอล์หรือสารฆ่าเชื้อ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • จากนั้นแพทย์หรือพยาบาลจะทายาชาหรือใช้ยาชาเฉพาะที่บริเวณใต้ตา เพื่อลดความรู้สึกเจ็บขณะฉีด
  • จากนั้นแพทย์จะใช้เข็มหรือเข็มทู่ ฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในชั้นผิวหนังหรือชั้นลึกใต้ผิวบริเวณที่ต้องการ และใช้เข็มธรรมดาฉีดฟิลเลอร์เข้าไปตามจุดที่ต้องการแก้ไขปัญหาใต้ตา โดยเข็มทู่ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการกระทบเส้นเลือดและลดการบาดเจ็บ ส่วนเข็มธรรมดาจะใช้สำหรับการเติมฟิลเลอร์ในตำแหน่งที่ต้องการความแม่นยำสูง ซึ่งระหว่างฉีด แพทย์จะค่อยๆ ปรับแต่งและเกลี่ยฟิลเลอร์ให้เรียบเนียน 
  • หลังฉีดเสร็จ แพทย์จะตรวจสอบความสมดุลและความเรียบเนียนของฟิลเลอร์ใต้ตา และอาจจะใช้มือกดนวดเบาๆ บริเวณใต้ตา เพื่อเกลี่ยฟิลเลอร์ให้เข้าที่
  • หลังจากฉีดเสร็จ แพทย์จะประคบเย็นบริเวณที่ฉีด เพื่อลดอาการบวมและช้ำ
  • หลังจากนั้นแพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังการฉีด และอาจนัดตรวจติดตามผลหลังฉีดประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อประเมินผลลัพธ์และปรับแต่งเพิ่มเติม (หากจำเป็น)

การดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนและยาวนาน

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันทีหลังฉีด แต่ผลลัพธ์อาจจะยังไม่สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งจะสามารถเห็นผลได้ภายใน 1-2 สัปดาห์เมื่อฟิลเลอร์เข้าที่ แล้วการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อยู่ได้นานไหม? โดยปกติแล้วนั้น ผลลัพธ์หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะอยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์และการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ของแต่ละบุคคล 

  • หลีกเลี่ยงการกดหรือสัมผัสบริเวณที่ฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง
  • งดแต่งหน้าหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีเข้มข้นบริเวณใต้ตาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่เพิ่มความร้อนหรือแรงดัน เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ หรืออยู่ในที่ร้อนจัด รวมถึงการออกกำลังกายหนักในช่วง 48-72 ชั่วโมงแรก
  • หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วมีอาการบวมเล็กน้อย สามารถใช้แผ่นประคบเย็นวางเบาๆ ที่บริเวณใต้ตา เพื่อช่วยลดอาการ
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพราะอาจกระตุ้นการบวมและลดประสิทธิภาพของฟิลเลอร์ได้
  • ควรนอนหงายโดยใช้หมอนหนุนศีรษะให้สูงกว่าระดับปกติในช่วง 1-2 คืนแรก เพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนตัว
  • หมั่นดื่มน้ำเยอะๆ จะช่วยให้ฟิลเลอร์คงความชุ่มชื้นและทำงานได้ดีขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ ทรีตเมนต์ หรือหัตถการใดๆ บริเวณใต้ตาในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
  • งดแต่งหน้าในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา จนกว่าอาการบวมจะยุบลง
  • ทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • ควรไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบผลลัพธ์และให้คำแนะนำที่เหมาะสมเพิ่มเติม

ใต้ตาคล้ำ มีริ้วรอยร่องลึก หมดกังวลได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นหัตถการที่ช่วยแก้ปัญหาร่องลึก ใต้ตาคล้ำ และถุงใต้ตา ทำให้ใบหน้าดูสดใสและอ่อนเยาว์ โดยผลลัพธ์จะเห็นได้ทันทีและสมบูรณ์ภายใน 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ต้องเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพสูง รวมไปถึงการดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เช่น หลีกเลี่ยงความร้อน การกดบริเวณใต้ตา และการดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน หากใครมีอาการผิดปกติดังที่กล่าวไปข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อความปลอดภัยของดวงตา

By content