ดนตรีสากลมีอิทธิพลอย่างมากในปัจจุบัน

ดนตรี สิ่งที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะมาจากสิ่งใดก็ตาม ประเพณี ขนมธรรมเนียม วัฒนธรรมจะมีสื่อที่ใช้ดนตรีในการประกอบเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพลงประกอบขนมธรรมเนียมต่าง ๆ ทำนอง หรือ ดนตรีสากล ซึ่งดนตรีนั้นอยู่ในชีวิตประจำวันเราจนเราคิดว่าเป็นเรื่องสิ่งที่ปกติและไม่ได้คำนึงถึง ซึ่งดนตรีนั้นคือศิลป์และศาสตร์ที่สามารถช่วยปรับความรู้สึกของมนุษย์ได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ได้ ซึ่งดนตรีเป็นสื่อที่ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดนั้นสามารถรับรู้อรรถรสของดนตรีได้ทำให้ดนตรีเป็นสื่อที่สามารถเชื่อมต่อทั้งโลกได้

ดนตรีนั้นผู้คนสามารถตีความหมายได้มากมาย มีความหมายที่กว้าง ซึ่งหากความหมายของดนตรีหลัก ๆ แล้วนั่นคือ “เสียงที่ประกอบกันเป็นทำนอง ที่ทำให้มีความรู้สึกต่าง ๆ ได้” ซึ่งดนตรีนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดและหนึ่งในชนิดที่เป็นที่นิยมกันในโลกนั่นคือ ดนตรีสากล ซึ่งดนตรีสากลคืออะไร ดนตรีสากลนั่นมีประวัติและยุคต่าง ๆ ความเป็นมาอย่างไร และเครื่องดนตรีสากลนั้นมีกี่ประเภท ไปดูกัน


ดนตรีคืออะไร ความหมายของดนตรีสากล 

ดนตรีสากล นั่นคือดนตรีประเภทหนึ่งที่ชาวตะวันตกนั้นได้นำมาเผยแพร่ให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก โดยแต่เดิมนั้นดนตรีสากลนั้นเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่และเป็นมรดกจากชาวตะวันตกที่ชาวยุโรปมีการบันทึกทำนองเพลงต่าง ๆ โดยเป็นแบบแผนเดียวกันโดยบันทึกเป็นสัญลักษณ์ที่เรียกว่า โน้ตสากล และใช้กับเครื่องดนตรีสากลตั้งแต่สมัยก่อนและได้พัฒนามาจนเป็นเครื่องดนตรีสากลต่างๆที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน 

โน้ตสากลนั้นใช้เพื่อบันทึกทำนองเพลงเพื่อกันผู้เล่นดนตรีนั้นลืมและเป็นการกำหนดว่าทำนองเพลงนั้นว่าใช้เสียงหรือเสียงยาว สามารถบอกถึงการเน้นเสียงหนักเบาตรงช่วงใดบ้างในทำนอง ซึ่งโน้ตสากลนั้นยังมีความหมายอื่น ๆ แหละรูปแบบโน้ตสากลนั้นยังมีมากมายเพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกถึงการเล่นทำนองต่าง ๆ โดยรูปแบบของดนตรีสากลนั้นไม่ใช่กำเนิดมาและสืบต่อมายังรูปแบบในปัจจุบันเลย แต่มีการพัฒนาขึ้นในแต่ละช่วงประวัติศาสตร์ของดนตรีสากลและพัฒนาต่อยอดมาเรื่อย ๆ จนมาถึงปัจจุบัน

ประวัติดนตรีสากล มีความเป็นมาอย่างไร

ประวัติความเป็นมาของดนตรีสากล

ก่อนอื่นต้องมาดูเรื่องราวเกี่ยวกับดนตรีสมัยโบราณนั้น มีตั้งแต่อดีตช่วงในยุคแรก ๆ ของมนุษย์นั้นมีการร้องเพลงตามธรรมชาติเช่นกการเคาะหิน เคาะไม้ ปรบมือกันเป็นจังหวะ ซึ่งมาในช่วงของยุคกลางระหว่างศตวรรษที่ 5-6 มีบันทึกเกี่ยวกับเครื่องหมายระดับเสียงและ จังหวะ (pitch and time) โดยดนตรีในโลกเราได้ผ่านหลายยุคหลายสมัย ซึ่งทำให้เกิดดนตรีหลากหลายชนิดขึ้นมารวมถึงดนตรีสากล มีเครื่องดนตรีหลากหลายชนิดได้วิวัฒนาการตามความเจริญ เทคโนโลยี และ ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ เครื่องดนตรีที่เคยใช้จากอดีตบางชนิดได้สูญหาย บางชนิดได้ถูกต่อยอดมาเรื่อย ๆ กลายเป็นเครื่องดนตรีที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบัน โดยหลักฐานสำหรับประวัติการวิวัฒนาการดนตรีนั้นไม่ได้มีชัดเจนมากมายนักแต่สามารถบอกได้จากบันทึกต่าง ๆ ของปราชญ์ทางดนตรี โดยประวัติดนตรีตะวันตกที่ก่อนจะมาเป็นชื่อดนตรีสากลนั้นสามารถแบ่งออกเป็นสมัยต่าง ๆ ได้ 9 สมัยดังนี้

  1. สมัยกรีก (Ancient Greek music)
  1. สมัยโรมัน (Roman)
  1. สมัยกลาง (The Middle Ages)
  1. สมัยรีเนซองส์ (The Renaissance)
  1. สมัยบาโรก (The Baroque Age)
  1. สมัยคลาสสิก (The Classical Period)
  1. สมัยโรแมนติก (The Romantic Period)
  1. สมัยอิมเพรชชั่นนิสติค (The Impressionistic)
  1.  สมัยศตวรรษที่ 20 และปัจจุบัน (The Twentieth century)

ยุคของดนตรีสากล มียุคอะไรบ้าง 

 ดนตรีเมื่อใในระยะแรกของประวัติศาสตร์นั้นมีเพียงเสียงเดียว และ แนวเดียวซึ่งเรียกกันว่าทำนองหรือ Melody ไม่มีการประสานเสียง ต่อมาจนถึงศตวรรษที่ 12 นั้นมนุษย์ได้เริ่มรู้จักการนำเสียงต่างๆ มาประกอบกันดนตรีขึ้นมา 

ยุคต่าง ๆ ของดนตรีสากลนั้นทางปราชญ์ทางดนตรีได้แบ่งยุคของดนตรีสากลออกเป็นยุคต่าง ๆ ดังนี้คือ

  1. Polyphonic  Period (ค.ศ. 1200-1650) ยุคนี้เป็นยุคแรกเริ่มของดนตรีและได้มีการวิวัฒนาการมาเรื่อย ๆ จนมีแบบฉบับและหลักวิชาการทางดนตรีขึ้น มีโรงเรียนสอนดนตรีเกิดขึ้นและมีวงดนตรีสากลอาชีพจัดแสดงตามโบสถ์ งานฉลองหรือตามบ้านคนใหญ่คนโต เป็นต้น
  2. Baroque  Period  (ค.ศ. 1650-1750) ยุคนี้ได้เริ่มมีวิชาดนตรีเกิดขึ้นอย่างเป็นจริงจัง มีระเบียบการจัดวง และมีหลักการมากขึ้น โดยได้เริ่มแบบแผนการจัดวงดุริยางค์ขึ้น และมีการกำเนิดวงดนตรีสากลมากขึ้น มีโรงเรียนสอนเกี่ยวกับอุปรากรขึ้น และไได้กำเนิดนักดนตรีเอกของโลก 2 ท่านนั่นคือ J.S. Bach (Johann Sebastian Bach) และ  G.H. Handen
  3. Classical  Period ( ค.ศ. 1750-1820 ) ยุคที่เรียกได้ว่าเริ่มเข้าสู่ยุคใหม่ของดนตรีสากล มีความรุ่งเรืองทางดนตรีมากขึ้น และในยุคนี้ได้มีนักดันตรีเอกที่เป็นที่โด่งดังนั่นคือ Mozart (Wolfgang Amadeus Mozart) นั่นเอง
  4. Romantic Period  ( ค.ศ. 1820-1900 ) ยุคนี้หลังจากได้มีการพัฒนามาจากยุคก่อน ๆ แล้วนั้นยุคนี้ได้มีบทเพลงและดนตรีสากลที่เข้าถึงอารมณ์ได้อย่างลึกซึ้ง ชัดเจน มีบทเพลงมากมายเรียกได้ว่าเป็นยุคทองของดนตรี และนักดนตรีที่แม้ว่าไม่ได้สนใจทางดนตรีจะต้องเคยได้ยินกันนั่นคือท่าน Beethoven (Ludwig van Beethoven) และนักดนตรีอื่น ๆ อีกมากมาย
  5. Modern  Period  ( ค.ศ. 1900-ปัจจุบัน ) เป็นยุคที่ดนตรีสากลและดนตรีชนิดอื่นๆเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและมีดนตรีที่กลับมามีอิทธิพลขึ้นอย่างดนตรีแจ๊ส (jazz) จนถึงปัจจุบัน

ดนตรีตะวันตกนั้นมีความใกล้ชิดกับผู้คนและศาสนาอย่างมากเนื่องจากบทเพลงที่เกี่ยวกับศาสนาหรือคนไทยเรียกว่าเพลงวัดนั้น ได้แต่งขึ้นโดยประณีต ถูกต้องตามหลัก โดยผู้แต่งเพลงที่มีความสามารถสูง  ทำให้มีทำนอง เนื้อหาที่เข้าถึงได้ง่าย จับใจ เพื่อให้ผู้ฟังที่เข้ามารับฟังเข้าใจ จนกระทั่งเมื่อประมาณ ค.ศ. 1000 ได้มีคนทำบันทึกและทำสัญลักษณ์ต่าง ๆ และเป็นที่มาของตัวโน้ต (Note)  ซึ่งเมื่อดนตรีของชาติตะวันตกที่คิดค้นมาจากทวีปยุโรป และ อเมริกา ได้รับการยอมรับและแพร่หลายอย่างรวดเร็ว ดนตรีตะวันตกจึงเรียกได้ว่าเป็นดนตรีสากลที่ของคนทุกชาติทุกภาษานั่นเอง

ประเภทของเครื่องดนตรีสากลมีอะไรบ้าง

ประเภทต่าง ๆ ของเครื่องดนตรีสากล

Detail : เครื่องดนตรีของดนตรีสากลนั้นมีหลายชนิดและแตกต่างกันออกไป ซึ่งทำให้เกิดความหลากหลายของเสียง ทำให้อารมณ์และความรู้สึกเมื่อได้รับฟังนั้นมีความรู้สึกแตกต่างกันไป เครื่องดนตรีสากลในปัจจุบันสามารถจำแนกเป็นประเภท 5 ประเภทใหญ่ ๆ  ได้ดังนี้

1. เครื่องสาย (String Instruments) 

เครื่องดนตรีสากล ประเภทเครื่องสาย โดยสายของเครื่องดนตรีนั้นมีหลายชนิดโดยมาจากวัสดุที่นำมาผลิต เช่น เส้นลวด เส้นเอ็น ไนลอน เส้นไหม หรือโลหะอย่างใดอย่างหนึ่ง จากนั้นนำมาขึงให้ตึง โดยเสียงและความดังนั้นจะขึ้นอยู่กับรูปร่างของเครื่องดนตรี โดยมีตัวอย่างเครื่องดนตรีดังนี้

ประเภทเครื่องสี ได้แก่ วิโอลา เชลโล ไวโอลิน
ประเภทเครื่องดีด ได้แก่ กีตาร์ ลูท แมนโดลิน

2. เครื่องลมไม้ (Woodwind Instruments)

เครื่องดนตรีสากลประเภทนี้จะเป็นการใช้ลมเป่าผ่านช่องแคบของเครื่องดนตรีให้เข้าไปภายในท่อ และผ่านกลไกต่าง ๆ เพื่อให้เกิดเสียงดัง โดยคุณลักษณะของเสียงจะแตกต่างกันไปตามขนาดท่อ ความยาวท่อ และความแรงของลมที่เป่าเข้าไป โดยเครื่องดนตรีชนิดนี้มีหลายขนาด โดยเครื่องดนตรีขนาดเล็กจะให้เสียงสูง ส่วนเครื่องดนตรีขนาดใหญ่จะให้เสียงต่ำ โดยมีตัวอย่างเครื่องดนตรีดังนี้

ประเภทเป่าลมผ่านลิ้น ได้แก่ คลาริเน็ต แซกโซโฟน
ประเภทเป่าลมผ่านช่องลม ได้แก่ เรคอร์เดอร์ ปิคโคโล

3. เครื่องลมทองเหลือง (Brass Instruments)

เป็นเครื่องดนตรีสากลที่ส่วนมากวัสดุจะมาจากโลหะผสมหรือโลหะทองเหลือง โดยการเกิดเสียงของเครื่องดนตรีชนิดนี้จะเกิดจากการที่ ใช้ลมเป่าผ่านท่อโลหะ โดยความสั้นยาวของเสียงจะเป็นตัวทำให้ระดับเสียงเปลี่ยนไป โดยเครื่องดนตรีประเภทส่วนมากเรียกกันว่า “แคร” โดยตัวอย่างเครื่องดนตรีประเภทนี้คือ ทรอมโบน บิวเกิล บาริโทน 

4. เครื่องกระทบ (Percussion Instruments)

เครื่องดนตรีสากลประเภทนี้ ได้แก่เครื่องดนตรีที่เกิดเสียงจากการกระทบ การตี การสั่น การเคาะ หรือการเขย่า รวมไปถึงการขูด เครื่องกระทอบประกอบขึ้น โดยสามารถแบ่งประเภทย่อยได้โดย เครื่องระดับเสียงที่แน่นอนอย่าง กลองทิมปานี ไวบราโฟน ไซโลโฟน และ เครื่องดนตรีระดับเสียงที่ไม่แน่นอนเช่น กลองใหญ่ คาบาซา บองโก กลองชุด

5. เครื่องลิ่มนิ้ว (Keyboard Instruments)

เครื่องดนตรีสากลประเภทนี้ ถ้าทับศัพท์ภาษาอังกฤษนั่นคือ คีย์บอร์ด นั่นเอง ลักษณะของเครื่องดนตรีประเภทนี้ จะมีลิ่มนิ้วสำหรับกด เพื่อเปลี่ยนระดับเสียงดนตรี โดยลิ่มนิ้วนี้สำหรับกดนั้นมักเรียกกันว่า “คีย์” (Key) โดยเครื่องดนตรีแต่ละชนิดของเครื่องลิ่มนิ้วจะมีคีย์ไม่เท่ากัน โดยเครื่องดนตรีประเภทนี้เรารู้จักกันเป็นอย่างดีเช่น เปียโน อิเลคโทน ออร์แกน เป็นต้น

สรุป

ดนตรีสากลคือดนตรีชนิดนึงที่มีความเป็นมาแต่โบราณ ถูกคิดค้นจากทางฝั่งตะวันตก ยุโรป และ อเมริกา ซึ่งในยุคแรกของดนตรีนั้นมีเพียงทำนอง และโดยในช่วงยุคกลางนั้นเริ่มมีการจดบันทึกโดยมีลักษณะเป็นโน้ตและมีการเผยแพร่จนเป็นที่นิยมในปัจจุบัน จนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งจึงเป็นที่มาของคำว่าดนตรีสากลนั่นเอง 


By content