เราไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า แดดประเทศไทยนั้น ร้อนแรงเกินต้านจริง ๆ ถึงแม้ว่า จะไม่ใช่ฤดูร้อนอย่างช่วงเดือนเมษายนก็ตาม แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูใด การที่เราจะออกจากบ้าน ก็ย่อมปะทะกับรังสีอัลตราไวโอเลต หรือ รังสียูวี (Ultraviolet Radiation: UV) อย่างแน่นอน
และสิ่งที่จะปกป้องเราจากรังสี UV ได้ ก็คือ “ครีมกันแดด” นั่นเอง แต่ครีมกันแดดนั้น ก็มีรูปแบบที่หลากหลาย เช่น โลชั่นกันแดด ครีมกันแดด หรือ สเปรย์กันแดด ซึ่งในวันนี้ เราจะมารีวิวเกี่ยวกับกันแดดแบบสเปรย์กัน!!
เลือกสเปรย์กันแดดยังไงดี ?
สเปรย์กันแดด เป็นกันแดดในรูปแบบหนึ่งที่มีวิธีใช้ค่อนข้างง่าย แล้วสเปรย์กันแดดยี่ห้อไหนดีล่ะ เรามาหาสเปรย์กันแดดที่เหมาะกับตัวเรากันเถอะ!!
เลือกตามประเภทของครีมกันแดด
ครีมกันแดด หรือ สเปรย์กันแดด นั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
- ครีมกันแดด chemical
สารกันแดดแบบเคมี (Chemical Sunscreen) จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดด โดยมีสารเคมีที่มีคุณสมบัติช่วยดูดซับรังสี UV ไว้ ไม่ให้ทะลุผ่านไปสัมผัสกับผิวหนัง เช่นสาร Oxybenzone, Octinoxate, Octisalate ฯลฯ แต่สารกันแดดประเภทนี้ มักไม่คงทน รวมทั้งก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวได้
กล่าวได้ว่า ครีมกันแดด chemical มีข้อดี คือ มีเนื้อสัมผัสที่บางเบากว่า ทำให้สามารถทาได้ง่าย ใช้ในปริมาณที่น้อยกว่า Physical Sunscreen ในการปกป้องผิว และสามารถใช้ร่วมกับเครื่องสำอางอื่นได้ง่ายกว่า
แต่ข้อจำกัดที่ตามมาก็คือ ครีมกันแดด chemical ปกป้องผิวจาก UVB ได้ แต่อาจปกป้องจาก UVA ได้ไม่ครบทุกชนิด ทำให้มีโอกาสระคายเคืองมากกว่า โดยเฉพาะบริเวณรอบดวงตา เมื่อทาแล้ว ก็ต้องรออย่างน้อย 20 นาที ก่อนออกเจอแสงแดด รวมถึงอาจทำให้อุดตันรูขุมขน และก่อให้เกิดสิวได้ง่าย สุดท้าย หากนำไปแช่เย็นจะทำให้เกิดการแยกชั้นและมีประสิทธิภาพที่ลดลง
- ครีมกันแดด physical
สารกันแดดแบบกายภาพ (Physical Sunscreen) ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดเช่นกัน โดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติสะท้อนรังสีจากแสงแดดออกไปจากผิวหนัง ซึ่งป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และรังสี UVB ซึ่งไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาเคมีกับผิวหนัง แต่สารกันแดดประเภทนี้ จะมีเนื้อครีมที่ข้นและเหนียวเหนอะหนะ ไม่ซึมเข้าสู่ผิว
สรุปได้ว่า ครีมกันแดด physical มีข้อดี คือ ช่วยปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA-I, UVA-II และ UVB ซึ่งเหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่าย เด็กและคุณแม่ตั้งครรภ์ เนื่องจากไม่ตกค้างหรือดูดซึมสู่ผิว ทำให้โอกาสอุดตันรูขุมขนน้อย สามารถทาและออกไปเจอแสงแดดได้ในทันที
แต่ข้อจำกัด ก็คือ เมื่อใช้ครีมกันแดด physical แล้ว อาจเป็นคราบขาวหรือทำให้รู้สึกหนักหน้าเล็กน้อย แล้วเมื่อโดนเหงื่อ ก็อาจจะหลุดออกได้ง่าย ดังนั้น ควรเติมครีมกันแดดระหว่างวัน และต้องใช้ในปริมาณมากกว่า ในการปกป้องผิวจากแสงแดดอย่างเพียงพอ
เลือกตามเนื้อสัมผัสของครีมกันแดด
อย่างที่กล่าวไปว่า ครีมกันแดดนั้น มีหลากหลายประเภท รวมถึงเนื้อสัมผัสของครีมกันแดดด้วยเช่นกัน
- ครีมกันแดดแบบครีม
ลักษณะเป็นเนื้อครีมข้น ๆ สีขาว ๆ ค่อนข้างคงตัว ไม่ไหลเยิ้ม แต่ควรระวังการทากันแดดเนื้อครีมที่ผิวเหนือดวงตา เวลาเหงื่อออกต้องระวังไม่ให้ไหลเข้าดวงตา
- ครีมกันแดดแบบเจล
มีลักษณะเนื้อครีมที่ค่อนข้างบางเบา ซึมง่าย ไม่ทำให้ผิวเหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้หน้ามัน และไม่อุดตันรูขุมขน
- ครีมกันแดดแบบแท่ง
มีเนื้อกันแดดที่บางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ หรือทำให้หน้ามันเยิ้ม ทั้งยังสามารถพกพาไปไหนมาไหนสะดวกสุด ๆ
- ครีมกันแดดแบบสเปรย์
สเปรย์กันแดด มีทั้งสเปรย์กันแดดหน้าและผิวกาย มีลักษณะเนื้อกันแดดที่บางเบา เมื่อฉีดพ่นออกมาแล้ว ก็ไม่ต้องเกลี่ยลงบนผิว ถือว่าใช้งานง่าย ประหยัดเวลา และสะดวกมาก
เลือกครีมกันแดดที่เหมาะกับผิว
แม้ว่า ครีมกันแดด หรือ สเปรย์กันแดด จะมีมากมายหลายประเภท แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเลือกใช้ให้เหมาะกับผิวของเราเอง
- สำหรับผิวมัน
ควรเลือกเนื้อเจล ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา เนื้อแมทต์ ไม่วาว พร้อมส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมัน เพื่อลดความมันที่อาจเกิดขึ้นระหว่างวัน อีกทั้งยังซึมง่าย แห้งไว และไม่ทิ้งคราบเหนอะหนะให้หนักผิว
- สำหรับผิวแพ้ง่าย
ควรเลือกครีมกันแดดออแกนิก ที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ ไม่ปรุงแต่ง เพื่อลดความเสี่ยงจากสารต่าง ๆ เช่น น้ำหอม น้ำมัน สารกันเสีย หรืออาจจะใช้สูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย (Hypoallergenic) แทน
- สำหรับผิวแห้ง
ควรเลือกครีมกันแดดเนื้อครีม ที่มีเนื้อครีมเข้มข้นและมีสารบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นอย่างกลีเซอรีน หรือว่านห่างจระเข้ ซึ่งจะทำให้คลุมชั้นผิวได้อย่างชุ่มชื้น และควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้ผิวแห้งมากขึ้น
- สำหรับผิวเป็นสิวง่าย
ควรเลือกเนื้อโลชั่น เพราะโลชั่นมีเนื้อที่บางเบากว่าแบบครีม ทำให้ไม่หนักผิว และควรหลีกเลี่ยงครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของน้ำมัน และน้ำหอม ซึ่งจะทำให้อุดตันและเกิดสิวได้ และให้เลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของสาร Zinc Oxide แทน เพราะมีคุณสมบัติช่วยรักษาสิวได้
เลือกครีมกันแดดที่มี SPF 30 หรือ PA+++
ในขณะที่เรากำลังมองหาสเปรย์กันแดดสักชิ้น เรามักจะเจอคำว่า SPF 30 หรือ PA+++ แล้ว 2 คำนี้ คืออะไร ตัวเลข และ + ที่ตามมา คืออะไร เรามาดูกัน!!
ค่า SPF เป็นค่าปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) โดยจะระบุค่าความสามารถเป็นตัวเลข เช่น
- SPF 15 คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด มากกว่าผิวปกติ 15 เท่า และมีความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ได้ 93.3%
- SPF 30 คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด มากกว่าผิวปกติ 30 เท่า และมีความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ได้ 96.7%
- SPF 50 คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากอาการไหม้แดด มากกว่าผิวปกติ 50 เท่า และมีความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) ได้ 98%
ส่วนค่า PA เป็นค่าการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) โดยระบุค่าความสามารถเป็นจำนวนเครื่องหมายบวก (+) เช่น
- PA + คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ 2-4 เท่า
- PA ++ คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ 4-8 เท่า
- PA +++ คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ 8-16 เท่า
- PA ++++ คือ ความสามารถในการปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ ได้มากกว่าผิวปกติ มากกว่า 16 เท่า
จะเห็นได้ว่า ค่า SPF และ PA ล้วนแต่เป็นค่าความสามารถในการปกป้องผิว เพียงแต่ปกป้องในรังสีที่ต่างกัน ดังนั้น เราจึงควรเลือกใช้สเปรย์กันแดดที่มีทั้งค่า SPF และค่า PA ควบคู่กันไปด้วย
เลือกตามลักษณะการใช้งาน
นอกจากเราจะเลือกครีมกันแดด หรือ สเปรย์กันแดด ให้เหมาะกับสภาพผิวของเราแล้วนั้น เราควรจะเลือกให้เหมาะกับกิจกรรมที่เราทำอีกด้วย
อย่างกิจกรรมกลางแจ้ง อย่างการออกกำลังกาย หรือ แม้แต่กิจกรรมทางน้ำ อย่างการเที่ยวทะเล เล่นน้ำ ดำน้ำ อาจจะเลือกใช้ได้ทั้งครีมกันแดดและสเปรย์กันแดด เพียงแต่ต้องตรวจเช็กให้ดีว่า สามารถกันน้ำได้เป็นอย่างดีหรือไม่
ค่า SPF กับ ค่า PA แตกต่างกันอย่างไร ?
หากเรากำลังมองหาครีมกันแดด หรือ สเปรย์กันแดดคู่ใจ เราต้องมาทำความรู้จักกับ SPF หรือ PA กันก่อน
- ค่า SPF
ค่า SPF (Sun-Protection Factor) คือ ค่าระดับความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีบี (UVB) โดยจะระบุค่าความสามารถเป็นตัวเลข ยิ่งมีตัวเลขมาก ก็จะยิ่งปกป้องมาก เพื่อไม่ให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง คัน แสบร้อน หรือผิวไหม้จากแดด
- ค่า PA
ค่า PA (Protection grade of UVA) คือ ค่าระดับความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) ระบุค่าความสามารถเป็นจำนวนเครื่องหมายบวก (+) ป้องกันไม่ให้เกิดการเหี่ยวย่น เกิดจุดด่างดำ กระ ฝ้า หรือ ฝ้าแดด รวมถึงลดโอกาสการเกิดมะเร็งผิวหนังด้วย
คัดมาให้แล้ว! 12 ยี่ห้อสเปรย์กันแดดที่ดีที่สุด
วันนี้ Kittdoo ขอรีวิวสเปรย์กันแดดยอดฮิต 12 ยี่ห้อ มาให้ทุกคนได้เลือกใช้ตามความชอบกัน
1. สเปรย์กันแดด La Roche-Posay Anthelios Invisible Fresh Mist Anti-Shine SPF50 PA++++
สเปรย์กันแดด La Roche-Posay Anthelios Invisible Fresh Mist Anti-Shine SPF50 PA++++ เหมาะสำหรับผิวบอบบางระคายเคืองง่าย ไวต่อแดด
จุดเด่น ปกป้องผิวจากรังสี UVA สูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดโดย European Standard
ปริมาณ 75 ml.
ราคาประมาณ 990 บาท
2. สเปรย์กันแดด Banana Boat Ultra Protect SPF50 PA+++ (ขวดสีเขียว)
สเปรย์กันแดด Banana Boat Ultra Protect SPF50 PA+++ สามารถใช้ได้ทุกวัน กันแดดได้ยาวนาน
จุดเด่น ไม่เหนียวเหนอะหนะ กันน้ำดีเยี่ยม ซึมซาบเร็ว มีส่วนผสมมอสเจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติ สกัดจากต้นไผ่ เมล็ดถั่ว วิตามินอี และว่านหางจระเข้
ปริมาณ 175 ml.
ราคาประมาณ 720 บาท
3. สเปรย์กันแดด Mistine Aqua Base Sun Body Spray SPF50 PA+++
สเปรย์กันแดด Mistine Aqua Base Sun Body Spray SPF50 PA+++ ใช้ได้ทั้งผิวหน้าหรือผิวกาย
จุดเด่น เป็นสูตรกันน้ำ ซึมไว แห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมทั้งบำรุงผิว
ปริมาณ 100 ml.
ราคาประมาณ 139 บาท
4. สเปรย์กันแดด Anessa Perfect UV Sunscreen Skincare Spray SPF50+ PA++++ (ขวดสีทอง)
สเปรย์กันแดด Anessa Perfect UV Sunscreen Skincare Spray SPF50+ PA++++ ใช้ได้ทั้งผิวหน้า ผิวกาย และเส้นผม
จุดเด่น ปกป้องแสงแดดได้นานกว่า 80 นาที ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ สามารถฉีดทับเมคอัพได้เลย
ปริมาณ 60 g
ราคาประมาณ 650 บาท
5. สเปรย์กันแดด Nivea Sun Protect & Dry Touch SPF50
สเปรย์กันแดด Nivea Sun Protect & Dry Touch SPF50 ปกป้องทั้ง UVA1, UVA2 และ UVB สาเหตุหนึ่งของฝ้าแดด จุดด่างดำ ด้วย SPF50
จุดเด่น ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบขาว กันน้ำ ไม่หลุดลอกง่าย
ปริมาณ 200 ml.
ราคาประมาณ 559 บาท
6. สเปรย์กันแดด Biore UV Spray SPF50+ PA++++
สเปรย์กันแดด Biore UV Spray SPF50+ PA++++ ใช้ได้ครบทั้งร่างกาย สามารถป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดี
จุดเด่น แห้งเร็ว เย็นสดชื่น สบายผิว กันน้ำ กันเหงื่อ แต่ไม่เหนียวเหนอะหนะ ผสมสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ ให้ผิวชุ่มชื่น ไม่แห้งกร้าน
ปริมาณ 75 g
ราคาประมาณ 299 บาท
7. สเปรย์กันแดด KA UV Extreme Protection Spray SPF50+ PA+++
สเปรย์กันแดด KA UV Extreme Protection Spray SPF50+ PA+++ สามารถใช้ได้กับผิวหน้าและผิวกาย
จุดเด่น เป็นละออง เบาสบาย ไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะกับทุกสภาพผิว
ปริมาณ 200 ml.
ราคาประมาณ 189 บาท
8. สเปรย์กันแดด Claire Invisible Sun Spray SPF50+ PA++++
สเปรย์กันแดด Claire Invisible Sun Spray SPF50+ PA++++
จุดเด่น ผสมสารสกัดสาหร่ายน้ำจืดสีเขียวกับสารสกัดจากเปลือกหัวหอมคัดพิเศษจากฮอกไกโด ช่วยปรับสมดุลผิว เพิ่มภูมิคุ้มกันให้เซลล์ผิวพร้อมรับมือกับแสงแดดอย่างมั่นใจ
ปริมาณ 100 ml.
ราคาประมาณ 540 บาท
9. สเปรย์กันแดด Caudalie Milky Sun Spray SPF50
สเปรย์กันแดด Caudalie Milky Sun Spray SPF50 ใช้บนใบหน้าและร่างกายและช่วยปกป้องจากแสงแดดและริ้วรอยก่อนวัย
จุดเด่น โลชั่นกันแดดเนื้อน้ำนม ซึมไว แห้งเร็ว ไม่เหนอะหนะ อุดมไปด้วยน้ำองุ่นออร์แกนิคและสารต้านอนุมูลอิสระที่จดสิทธิบัตร
ปริมาณ 150 ml.
ราคาประมาณ 1,450 บาท
10. สเปรย์กันแดด Kate Somerville UncompliKated SPF Soft Focus Makeup Setting Spray SPF50
สเปรย์กันแดด Kate Somerville UncompliKated SPF Soft Focus Makeup Setting Spray SPF50 ปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสียูวี
จุดเด่น สัมผัสบางเบา ต่อต้านอนุมูลอิสระ ใช้ได้เป็นทั้งกันแดดและเซตติ้งสเปรย์ ผสมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์
ปริมาณ 96 g
ราคาประมาณ 1,500 บาท
11. สเปรย์กันแดด Recipe Crystal Sun Spray SPF50+ PA+++
สเปรย์กันแดด Recipe Crystal Sun Spray SPF50+ PA+++ ป้องกันแสงแดดผิวหน้า และผิวกาย
จุดเด่น เป็นสูตรบางเบาพิเศษ ปราศจากน้ำมัน ฉีดทับเมคอัพระหว่างวันได้ โดยไม่เป็นคราบ
ปริมาณ 150 ml.
ราคาประมาณ 1,100 บาท
12. สเปรย์กันแดด Supergoop! Play Antioxidant Mist With Vitamin C Broad Spectrum Sunscreen SPF50
สเปรย์กันแดด Supergoop! Play Antioxidant Mist With Vitamin C Broad Spectrum Sunscreen SPF50 ไม่ทำให้ผิวแห้งตึง ถนอมผิวให้ชุ่มชื้นยาวนาน
จุดเด่น มีแอลกอฮอล์น้อยกว่าสเปรย์ทั่วไป 35%
ปริมาณ 89 ml.
ราคาประมาณ 560 บาท
สรุป
สุดท้ายนี้ คำถามที่ว่า “ครีมกันแดดยี่ห้อไหนดี” หรือ “สเปรย์กันแดดยี่ห้อไหนดี” อาจจะไม่มียี่ห้อที่ดีที่สุด เพียงแต่เราจะต้องหาครีมกันแดดที่ดีที่สุดสำหรับสภาพผิวและกิจกรรมของเราเท่านั้นเอง โดยเฉพาะสเปรย์กันแดดที่เรานำมารีวิว นับได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อไหน ก็ใช้ดีไม่แพ้กันเลยทีเดียว