ปัญหาผู้สูงอายุมีจำนวนมาก เป็นปัญหาที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังประสบอยู่ ทำให้แรงงานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมมีจำนวนน้อยลง ประเทศอีกหลายประเทศรวมถึงประเทศไทยเองก็มีปัญหาแบบ นี้เช่นเดียวกัน ความคิดของคนรุ่นใหม่ เริ่มไม่อินกับการสร้างครอบครัว การมีลูกอีกแล้ว เพราะด้วยระบบเศรษฐกิจ และสาธารณูปโภค เองก็ไม่เอื้ออำนวย หากมีลูก ลูกก็ต้องเกิดมาลำบาก แนวคิดนี้ ทำให้อัตราการเกิดของคนในยุคนี้มีจำนวนที่ต่ำมาก แต่ก็ยังมีอีกหลายครัวเรือน ที่มีความพร้อมในการมีลูก มีความต้องการอยากมีลูก แต่กับถูกเบรกด้วยปัญหาการมีลูกยาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างมาก จำนวนคนที่อยากมีลูกก็น้อยลงอยู่แล้ว แต่อัตราการเกิดจะน้อยลงไปอีกเพราะปัญหามีลูกยาก ซึ่งวันนี้เราจะมานำเสนอทางออกให้ครอบครัวที่ประสบปัญหามีลูกยาก ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว
หลักการของเด็กหลอดแก้ว คืออะไร ?
หลักการของการทำเด็กหลอดแก้ว ถ้าให้พูดแบบง่ายๆคือ การทำผสมเทียมรูปแบบหนึ่ง ซึ่งรายละเอียดของมันคือจะทำการปฏิสนธินอกร่างกาย โดยการเก็บเซลล์ไข่จากฝ่ายหญิง และเก็บเซลล์อสุจิจากฝ่ายชายมาทำการผสมกัน เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนก่อน จากนั้นค่อยนำตัวอ่อนกลับเข้าไปในครรภ์ของฝ่ายหญิง เพื่อให้ทารกเจริญเติบโตต่อในครรภ์ของมารดาตามธรรมชาติ โดยการทำเด็กหลอดแก้วมีจะอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ IVF และ ICSI
หลักการของ IVF และ ICSI
ทั้ง IVF และ ICSI เป็นการทำเด็กหลอดแก้วทั้งทั้งคู่ หรือก็คือเป็นการผสมเทียม ด้วยการปฏฏิสนธินอกร่างกายทั้งคู่ แต่ความแตกต่างของ IVF และ ICSI อยู่ที่ในขั้นตอนการทำของมัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- IVF หรือ In-vitro Fertilization คือ การทำเด็กหลอดแก้ว โดยนำเซลล์อสุจิและไข่ออกมาจากร่างกาย นำมาผสมกันนอกร่างกาย โดยให้มันมีขั้นตอนการปฏิสนธิกันเองตามธรรมชาติ
- ICSI หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection คือ การทำเด็กหลอดแก้ว เช่นกัน แต่เพิ่มขั้นตอนด้วยการคัดเซลล์อสุจิที่แข็งแรงฉีดเข้าไปผสมกับไข่โดยตรง ให้เกิดการปฏิสนธิเลย โดยไม่ต้องรอวิธีแบบธรรมชาติ เพิ่มโอกาสให้เกิดให้กับตัวอ่อน
สรุปได้ว่า IVF และ ICSI ต่างกันที่ขั้นตอนของ ICSI มีมากกว่าคือ เพิ่มขั้นตอนการคัดเซลล์อสุจิที่แข็งแรงไปด้วย เพื่อเพิ่มเปอร์เซ็นการปฏิสนธิให้มากขึ้น โดยถัดไปเราจะไปดูรายละเอียดของขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง
ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI
ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI นั้นสามารถแบ่งได้เป๋นหลักๆ 7 ขั้นตอน
- การปรึกษาแพทย์ : เริ่มตั้งแต่การเลือกสถานพยาบาลที่เหมาะสม โดยดูรีวิว เช็คความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาลแห่งนั้นก่อน และเนื่องจากการทำเด็กหลอดแก้วมีค่าใช้จ่ายที่สูง จึงควรเช็คราคาให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงค่อยพบแพทย์ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องรายละเอียดของขั้นตอนการทำ วันนัดครั้งต่อไป และวิธีการเตรียมตัวของทั้งฝ่ายชายและหญิง
- เริ่มฉีดยากระตุ้นไข่ : ทำการตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมนของร่างกายเพื่อประเมินการทำงานของรังไข่และตรวจอัลตราซาวด์ จากนั้นพิจารณาเลือกยากระตุ้นที่เหมาะสมก่อนจะฉีดเข้าไปในรังไข่ โดยการฉีดยากระตุ้นไข่จะมีการฉีดทั้งหมด 3 ขั้นตอน คือ
- ฉีดยาตัวแรก (Recombinant FSH) เป็นการฉีดเพื่อกระตุ้นไข่หลายๆใบก่อน
- ฉีดยาตัวที่สอง (GnRH antagonist) เป็นการฉีดเพื่อไม่ให้ไข่ตกก่อนเวลา ในขั้นตอนนี้จะมีการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อคอยดูการเจริญเติบโตของไข่ ตรวจประมาณ 3 ครั้ง เพื่อดูว่าจะเก็บไข่ออกมาจากร่างกายได้ในวันไหน
- ฉีดยาตัวที่สาม (hCG) เป็นการฉีดเพื่อให้ไข่สุกพร้อมๆกัน และตกในอีก 36 ชั่วโมง
- การเก็บไข่และคัดแยกเซลล์อสุจิ
- การเก็บไข่ สามารถเก็บผ่านทางช่องคลอด ก่อนเริ่มขั้นตอนจะให้ยาระงับความรู้สึกทางหลอดเลือด เพื่อให้นอนหลับก่อน จากนั้นค่อยเริ่มโดยใช้หัวตรวจอัลตราซาวด์ขนาดเล็ก เพื่อตรวจหาไข่ จากนั้นค่อยทำการดูดของเหลวออกมา และใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจหาไข่ และจึงค่อยนำมาเพาะเลี้ยงในน้ำยาเลี้ยงไข่ เพื่อเตรียมสำหรับการผสม
- การคัดแยกอสุจิ โดยฝ่ายชายควรงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการหลั่งน้ำอสุจิออกประมาณ 3 – 7 วัน ก่อนเริ่มขั้นตอน การคัดแยกต้องเริ่มจากการเก็บน้ำเชื้อในภาชนะปลอดเชื้อ จากนั้นส่งไปคัดแยกเซลล์อสุจิออกจากน้ำอสุจิ
- การทำ ICSI : แพทย์จะเลือดคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดและฉีดเข้าไปผสมกับไข่โดยตรง เพื่อให้ได้ตัวอ่อน
- การเลี้ยงตัวอ่อน : จะเลี้ยงในตู้ควบคุมอุณหภูมิ ให้สามารถปรับควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสมเพื่อเร่งให้เกิดการแบ่งเซลล์ หลังจากปล่อยให้แบ่งเซลล์ได้ระยะหนึ่ง (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับความเร็วในการแบ่งเซลล์ของตัวอ่อนนั้น) จนตัวอ่อนเข้าสู่ระยะ Blastocyst เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ขั้นต่อไป
- การย้ายตัวอ่อน : เริ่มด้วยการตรวจโพรงมดลูกก่อนว่าปกติดีหรือไม่ จากนั้นทำการตรวจอัลตราซาวด์ก่อนเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมก่อน เนื่องจากผู้หญิงมีโครงสร้างร่างกายที่แตกต่างกันการย้ายตัวอ่อนจะสามารถได้โดยดูดตัวอ่อนผ่านทางสาย และสายนั้นจะสอดผ่านปากมดลูก เพื่อนำตัวอ่อนไปวางไว้บนเยื่อบุโพรงมดลูก
- ตรวจการตั้งครรภ์ : หลังจาการทำย้ายตัวอ่อนเสร็จแล้ว ก็ต้องทำการตรวจครรภ์เป็นระยะเพื่อดูว่าตัวอ่อนเจริญเติบโตในครรภ์ตามปกติหรือเปล่า
การทำเด็กหลอดแก้วเหมาะกับกรณีไหน
ปัญหาการมีลูกยากนั้นมีปัจจัยอยู่ด้วยกันหลายอย่าง แตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ทำให้การผสมเทียมเพื่อช่วยแก้ปัญหาการมีลูกยากก็มีอยู่ด้วยกันหลายอย่าง แต่สำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI นั้น เรียกได้ว่าแทบจะครอบคลุมทุกปัญหาการมีลูกยากได้ทุกข้อเลย เป็นการผสมเทียมที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากที่สุด ในการผสมเทียมทั้งหมด โดยรายละเอียดของกลุ่มคนที่สามารถใช้การทำเด็กหลอดแก้วแก้ปัญหามีบุตรยากได้ มีดังนี้
- ฝ่ายหญิงมีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่จะตั้งครรภ์ได้ยากแล้ว ลูกในท้องจะมีความเสี่ยงที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม
- ฝ่ายหญิงมีท่อนำไข่ตีบ หรือ ตันทั้งสองข้าง ทำให้เซลล์อสุจิไม่สามารถว่ายไปยังไข่ได้
- ฝ่ายหญิงมีภาวะตกไข่ผิดปกติ
- ฝ่ายหญิงมีเปลือกไข่หนา ทำให้อสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปเพื่อทำการปฏิสนธิ
- ฝ่ายชายมีปริมาณอสุจิน้อย หรือ อสุจิไม่แข็งแรง
- ฝ่ายชายทำหมันไปแล้ว แต่ยังอยากมีลูกอีก
การเตรียมตัวก่อนทำเด็กหลอดแก้ว
แม้ว่าจะเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ละเลยไม่ได้ คือ การเตรียมตัวที่ดี โดยการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนเริ่มกระบวนการ ICSI เองก็เช่นกัน โดยรวมแล้วของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงจะมีความใกล้เคียงกันหลายอย่าง เหมือนเป็นการดูแลสุขภาพเบื้องต้นโดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นการบำรุงร่างกาย
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- บริหารจัดการอารมณ์ตัวเอง ไม่ต้องวิตกกังวล
- งบการสูบบุหรี่
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- งดการมีเพศสัมพันธ์ก่อนเริ่มกระบวนการประมาณ 7 วัน
ข้อปฏิบัติหลังจากเริ่มทำเด็กหลอดแก้ว
โดยหลังจากกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ได้เสร็จสิ้นแล้ว ว่าที่คุณแม่ต้องพึงระวังเสมอว่า ตัวเองมีลูกอยู่ในครรภ์แล้ว แม้ว่าจะสามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ แต่ต้องมีการระมัดระวังตัวเสมอ เหมือนคนท้องอ่อนๆตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นป้องกันไม่ให้ช่วงท้องเกิดการกระทบกระเทือน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหนักๆ การเดินขึ้นลงบันได และยิ่งไม่ต้องพูดถึงการหกล้มเลย ที่ต้องระวังเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังต้องรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน หลีกเลี่ยงอาหารที่อาจทำให้ท้องเสีย หรือท้องผูกได้ และต้องนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ
ค่าใช้จ่ายการทำเด็กหลอดแก้ว
ค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้ว ICSI ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาลแห่งไหน ค่าใช้จ่ายก็จะไม่ทิ้งห่างกันมากเท่าไหร่นัก จะอยู่ที่ประมาณ 180,000 บาทเป็นต้นไป แต่ความต่างจะอยู่ที่ความรุนแรงของภาวะมีบุตรยากของแต่ละคน หากเป็นเคสที่มีการรักษาที่ยากกว่า ค่าใช้จ่ายก็สามารถที่จะสูงขึ้นได้
จุดสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามในการเลือกสถานที่สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วทั้ง IVF และ ICSI
การเลือกสถานที่สำหรับทำเด็กหลอดแก้ว เรียกได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะคุณภาพของสถานพยาบาล ประสบการณ์ของแพทย์จะเป็นตัวตัดสินได้เลยว่า โอกาสในการผสมเทียมของเราจะสำเร็จหรือไม่ โดยจุดสำคัญที่เราต้องมองหาจากสถานพยาบาลมีดังนี้
- มีใบรับรองการประกอบอาชีพที่ถูกต้อง
- จำนวนเคสที่ทางสถานพยาบาลสามารถรักษาได้สำเร็จ
- ประสบการณ์ และคุณวุฒิของแพทย์ที่ให้การรักษาดีพอไหม
- รีวิวจากผู้เคยใช้บริการมาก่อน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการตัดสินใจ
คำถามที่คนมักสงสัย
ทำเด็กหลอดแก้ว เลือกเพศได้ไหม ?
การผสมเทียมทุกแบบรวมไปถึงการทำเด็กหลอดแก้ว ไม่สามารถเลือกเพศได้
ทำเด็กหลอดแก้ว ทำเด็กแฝดได้ไหม ?
มีโอกาส 30 – 35% ที่จะได้ลูกแฝดจากการทำเด็กหลอดแก้ว แต่ในการทำการเด็กหลอดแก้ว การมีลูกแฝดถือว่ามีความเสี่ยง แพทย์จึงไม่ค่อยแนะนำ
โอกาสและความเสี่ยงในการทำเด็กหลอดแก้ว ?
มีโอกาสเฉลี่ยประมาณ 30-35% ที่จะตั้งท้องได้ ไม่มีความเสี่ยงใดๆ เพราะว่าการปฏิสนธินั้นทำนอกร่างกาย
สรุป
เราหวังว่าข้อมูลที่เราได้นำเสนอไปนั้น จะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวที่กำลังประสบปัญหาภาวะมีบุตรยากอยู่ เราไม่สามารถบังคับ หรือเปลี่ยนแนวคิดให้ทุกคนอยากมีลูก แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ คือ เป็นตัวช่วยให้กับครอบครัวที่มีความพร้อม และมีความต้องการที่จะมีบุตร ได้สมหวังที่จะอุ้มลูกเป็นของตัวเอง