เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงเคยฟังดนตรีคลาสสิกกันมาก่อนแน่นอน เพราะดนตรีคลาสสิกเป็นสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวมากกว่าที่คิด อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเคยได้ฟังเสียงจากเครื่องดนตรีคลาสสิกมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเดินสวนสนามพร้อมเพลงมาร์ชจากวงดุริยางค์ในโรงเรียน ดนตรีคลาสสิกที่นำมาประกอบหนังดังอย่าง แฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือแม้กระทั่งการ์ตูนวัยเด็กอย่างดิสนีย์ก็มีการใช้ดนตรีคลาสสิกมาใช้บรรเลงเช่นกัน
เพราะฉะนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีใครไม่เคยได้ยินเพลงคลาสสิกมาก่อน อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเคยผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง และเพราะเหตุนี้ดนตรีคลาสสิกถึงได้ครองใจใครหลาย ๆ คน เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต และสอดแทรกในแทบจะทุกที่ของชีวิตประจำวันนั่นเอง
ดนตรีคลาสสิกคืออะไร
ดนตรีคลาสสิกคือรูปแบบทางดนตรีอย่างหนึ่ง แนวเพลงคลาสสิกจะเป็นการบรรเลงเพลงด้วยเครื่องดนตรีที่ประกอบด้วยด้วยเครื่องดนตรี 5 กลุ่ม คือกลุ่มเครื่องสาย (String) กลุ่มเครื่องลมทองเหลือง (Brass) กลุ่มเครื่องลมไม้ (Woodwind) กลุ่มเครื่องลิ่มนิ้ว (Keyboard instruments) และกลุ่มเครื่องกระทบ (Percussion)
หากนำเครื่องดนตรีทั้ง 5 กลุ่มมาบรรเลงด้วยกันจะเรียกว่าวงออร์เคสตรา (Orchestra) ซึ่งเมื่อกล่าวถึงวงออร์เคสตราเราคงจะคุ้นเคยกับการมีผู้กำกับการแสดงที่ถือไม้เล็ก ๆ คอยคุมการบรรเลง เราเรียกเขาว่าผู้อำนวยเพลง (Conductor) เป็นบุคคลที่คอยควบคุมการแสดงปรับอารมณ์ของเพลง ให้จังหวะหนักเบากับนักดนตรี
ประวัติดนตรีคลาสสิค
มาถึงตรงนี้แล้ว หลาย ๆ ท่านคงจะสงสัยว่าดนตรีคลาสสิกมีที่มาที่ไปอย่างไร ประวัติดนตรีคลาสสิกเป็นมาอย่างไร แล้วดนตรีคลาสสิกเริ่มจากยุคคลาสสิกจริงไหม สามารถหาคำตอบของทุกท่านได้ที่บทความด้านล่างได้เลย
ราวค.ศ. 476 – 1400 ยุคที่เรียกว่ายุคกลาง (Medieval/Middle Age) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์ดนตรีคลาสสิก อันเนื่องมาจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน การร้องเพลงประกอบพิธีกรรมเริ่มแพร่หลายมากขึ้น จากการร้องเพลงสวดทำนองเดียวก็เริ่มมีการร้องประสานเสียง และยังคงมุ่งเน้นไปที่การบรรเลงเพลงเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาเรื่อยมาจนถึงยุคเรเนสซองส์ (Renaissance) บาโรค (Baroque) และ โรโกโก (Rococo)
แม้ว่าดนตรีคลาสสิกจะแบ่งไปตามยุคสมัย แต่ยุคที่ดนตรีคลาสสิกเป็นดนตรีคลาสสิกแบบที่เราคุ้นเคยกันจริง ๆ ก็ไม่พ้นเริ่มต้นที่ยุคคลาสสิก (Classical) เพราะรูปแบบดนตรีมีการเปลี่ยนแปลงยกใหญ่ ทั้งรูปแบบกฎเกณฑ์ แบบแผน หลักการและรูปแบบการเล่น ซึ่งส่งผลให้วงออร์เคสตรายึดเป็นแบบแผนจนถึงปัจจุบัน
เมื่อจบยุคคลาสสิก รูปแบบดนตรีคลาสสิกก็เริ่มพัฒนาต่อเนื่องไปยังยุคต่อไปอย่างยุคโรแมนติก (Romantic) อิมเพรสชั่นนิสซึ่ม (Impessionism) และยุคปัจจุบันอย่างยุคศตวรรษที่ 20 (20th Century)
เครื่องดนตรีคลาสสิกมีอะไรบ้างนะ
เครื่องดนตรีคลาสสิกแบ่งตาม 5 กลุ่มก็จะมีดังต่อไปนี้ ซึ่งแต่ละเครื่องก็จะมีประเภทแยกย่อยลงไปอีก
1. เครื่องสาย (String)
- ไวโอลิน (Violin)
- วิโอลา (Viola)
- เชลโล่ (Cello)
- ดับเบิ้ลเบส (Double bass)
- ฮาร์พ (Harp)
- ซิมบาลอม (Cimbalom)
- กีต้าร์ (Guitar)
2. เครื่องลมทองเหลือง (Brass)
- ฮอร์น (Horn)
- ทรัมเป็ต (Trumpet)
- ทรอมโบน (Trombone)
- แซ็กฮอร์น (Saxhorn)
- คอร์เน็ต (Cornet)
- ทูบา (Tuba)
- ซูซาโฟน (Sousaphone)
3. เครื่องลมไม้ (Woodwind)
- ปิคโคโล่ (Piccolo)
- โอโบ (Oboe)
- คลาริเน็ต (Clarinet)
- บาสซูน (Bassoon)
- แซ็กโซโฟน (Saxophone)
- ฮาร์โมริก้า (Harmonica)
- แบ็กไพพ์ (Bagpipes)
4. กลุ่มเครื่องลิ่มนิ้ว (Keyboard instruments)
- เปียโน (Piano)
- ออร์แกน (Organ)
- ฮาร์ปซิคอร์ด (Harpsichord)
- เซเลสตา (Celesta)
- แอคคอร์เดียน (Accordion)
- ซินธิไซเซอร์ (Synthesizer)
5. กลุ่มเครื่องกระทบ
- กล็อคเคนสปิล (Glockenspiel)
- ระฆังราว (Tubular bells)
- กลอง (Drum)
- ทิมปานี (Timpani)
- ไซโลโฟน (Xylophone)
- กระดึง (Cowbell)
- ฉาบ (Clash cymbals)
- ไวบราโฟน (Vibraphone)
- กิ๋ง (Triangle)
- แทมโบรีน (Tambourine)
- ฆ้อง (Tam-tam)
แนวเพลงคลาสสิคยอดนิยมในปัจจุบันมีกี่ประเภท
สำหรับแนวเพลงคลาสสิกที่นิยมเล่นในปัจจุบันสามารถแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 5 ประเภท ได้แก่
1. ซิมโฟนี (Symphony)
ดนตรีคลาสสิกซิมโฟนี มีจุดมุ่งหมายในการใช้วงออร์เคสตราในการบรรเลง ใน 1 เพลง จะมี 4 ทำนองเพลง โดยทั้ง 4 ทำนองเพลงก็จะมีการบรรเลงช้าเร็วแตกต่างกันไป
2. โอเวอร์เจอร์ (Overture)
โอเวอร์เจอร์คือดนตรีคลาสสิกบรรเลงโดยวงซิมโฟนีออร์เคสตรา ใช้เล่นโหมโรงก่อนเปิดม่านอุปรากรหรือที่รู้จักกันในชื่อโอเปร่า (Opera)
3. คอนแชร์โต (Concerto)
หากจะบอกว่าคอนแชร์โตคือการใช้เพลงประชันฝีมือของกลุ่มนักดนตรีวงออร์เคสตราก็คงไม่ผิด การบรรเลงคอนแชร์โตจะเป็นการบรรเลงแบบ 3 ท่อน คือเร็ว-ช้า-เร็ว สามารถใช้ประชันได้ทั้งแบบโซโล่กลุ่มเครื่องดนตรีและระหว่างกลุ่มเครื่องดนตรีภายในวงออร์เคสตรา
4. โซนาตา (Sonata)
ถ้าคอนแชร์โตคือการประชันกันระหว่างกลุ่มเครื่องดนตรีในวงออร์เคสตรา โซนาตาก็คือการแสดงเดี่ยวของเครื่องดนตรี มักใช้เปียโนบรรเลงประกอบในการบรรเลงกับเครื่องดนตรีอื่น ๆ เว้นแต่เป็นการแสดงเดี่ยวของเปียโนเอง
5. แคนนอน (Canon)
เป็นดนตรีที่แทบจะทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็นเพลงที่ใช้ในงานแต่งงานซะส่วนมาก แคนนอนเกิดจากความไพเราะที่เครื่องดนตรีบรรเลงทำนองเดียวกัน แต่เริ่มไม่พร้อมกัน ประสานกันจนออกมาเป็นบทเพลงที่งดงาม
สรุปเกี่ยวกับดนตรีคลาสสิก
ดนตรีคลาสสิก เมื่อเอ่ยชื่อหลายคนอาจจะขมวดคิ้วเพราะรู้สึกเข้าถึงยาก แต่แท้จริงแล้วเป็นดนตรีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและคุ้นเคยเป็นอย่างดี มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่ก็มีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย เครื่องดนตรีเป็นที่นิยม ใช้บรรเลงเพลงได้หลากหลายสไตล์ทำให้คนตกหลุมรักได้ง่าย ๆ นั่นเอง