web 3.0
web 3.0

web 3.0 หรือที่บางคนอาจเรียกว่าการเข้าสู่ยุคที่สามของอินเตอร์เน็ต เป็นการมาถึงของอนาคตที่จะช่วยเปิดโอกาสสร้างรายได้ในหลายๆช่องทางมากขึ้น ยิ่งคุณเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อน ก็ยิ่งได้เปรียบกว่าคนอื่น เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด เราได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นแทบทุกเดือน คนยุคปัจจุบันใช้อินเตอร์เน็ตในชีวิตประจำวันกันแทบทั้งนั้น อาจจะเห็นตัวอย่างได้จาก Metaverse เหรียญ crypto หรือ NFT ที่เติบโตกลายเป็นช่องทางธุรกิจทำเงินใหม่ๆมากมาย คนที่รู้จักเข้าใจก่อนก็ได้รับผลประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้เต็มๆ ซึ่งการทำคอนเทนต์เพื่อใช้สื่อเหล่านั้นจะต้องผ่านการใช้ web 3.0 นั่นเอง


web 3.0 คืออะไร

web 3.0  คือผู้ให้บริการเน็ตเวิร์กที่มีการพัฒนามาจนเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว และมีความโดดเด่นในการนำเสนอคอนเทนต์เสมือนจริง ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำธุรกิจหากำไรได้ใน web 3.0 นี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นเพียงผู้ใช้เว็บไซต์ทั่วไป เจ้าของเว็บไซต์ หรือใครก็ตาม โดยมีการพัฒนาทั้งแบบเว็บไซต์และแบบแอปพลิเคชันตามความนิยมของผู้ใช้งานในยุคปัจจุบัน โดยในการทำกิจกรรมต่างๆบน web 3.0 จะสามารถใช้เงินดิจิตอล หรือทรัพย์สินดิจิตอลในการทำคอนเทนต์ได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานเขียนต่างๆ ตลอดจนเกมบนเว็บ web 3.0 นั่นเอง ซึ่งจุดที่ทุกคนสามารถทำธุรกิจหากำไรได้ใน web 3.0 นี้เองที่จะช่วยเปิดช่องทางการทำธุรกิจและสร้างรายได้ให้กับเราๆในอนาคต


การกำเนิด web 3.0

ประวัติของ web 3.0

การกำเนิดของ web 3.0 เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนามาเสียมากกว่า เพราะ web 3.0 พัฒนามาจาก web 2.0 ซึ่งพัฒนามาจาก web 1.0 อีกที ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมอของเทคโนโลยี ที่ต้องคอยปรับและพัฒนาตัวเองให้ตอบโจทย์กับพฤติกรรมของผู้ใช้อยู่เสมอ และในยุคปัจจุบันนี้เทคโนโลยี สื่อออนไลน์และคอนเทนต์ต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปมาก ตลอดจนพฤติกรรมผู้ใช้ที่เปลี่ยนไปจากเดิมและอยู่บนโลกออนไลน์กันมากขึ้นทำให้ web 3.0 ถูกพัฒนาต่อเนื่องขึ้นมาเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้นั่นเอง


การกำเนิด web 1.0

web 1.0 หรือผู้ให้บริการเน็ตเวิร์กรุ่นแรกสุดก่อนจะพัฒนามาเป็น web 3.0 ในปัจจุบัน ถูกพัฒนาโดย ทิม เบอร์เนอส์ ลี โดยสร้าง WWW. (World Wide Web) ขึ้นมานั่นเอง โดยเจ้าเว็บไซต์นี้จะรับส่งข้อมูลระหว่างเจ้าของเว็บที่ผลิตเนื้อหาต่างๆลงบนเว็บไซต์กับโฆษณาต่างๆเพื่อสร้างรายได้ ในขณะที่ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจะทำได้เพียงอ่านเนื้อหาคอนเทนต์เท่านั้น ตัวอย่างที่เห็นแภาพง่ายๆก็คือ Google ในแบบที่เราทำได้แค่อ่านข้อมูลเท่านั้นแต่ผู้ใช้ไม่สามารถสร้างรายได้จากจุดนี้ได้ ทำได้เพียงอ่านเพื่อความรู้หรือเพื่อความบันเทิงก็เท่านั้น


การกำเนิด web 2.0

web 2.0 หรือผู้ให้บริการเน็ตเวิร์กรุ่นสองที่พัฒนามาจาก web 1.0 และกลายเป็น web 3.0 ต่อไป เป็นยุคสมัยที่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเริ่มมีการสื่อสารโต้ตอบกันในโซเชียลมีเดียและช่องทางอื่นๆได้ ไม่ได้เป็นการสื่อสารทางเดียวที่ไม่อาจสร้างผลกำไรได้อีกต่อไป ตัวอย่างที่เห็นภาพชัดๆก็คงจะเป็น Youtube, Facebook, Instagram และโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่นๆ ที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เขียนข้อความสื่อสารกันลงบนโลกออนไลน์ได้ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม ซึ่งตรงจุดนี้ก็ทำให้ใครหลายๆคนเริ่มนำไปสู่การสร้างรายได้ได้บ้างแล้วเช่นกัน ช่วยตอบโจทย์พฤติกรรมของคนในช่วงยุคสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี


ข้อได้เปรียบของ web 3.0

ข้อได้เปรียบของ web 3.0 ที่เห็นได้ชัดคือการพพัฒนาตามโลกเทคโนโลยีที่หมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการให้ความปลอดภัยในการรักษาข้อมูลที่ปัจจุบันนี้ผู้คนให้ความสำคัญกันมากขึ้น การผลิตคอนเทนต์เนื้อหาโดยผู้ใช้ทั่วไปเอง การใช้สื่อหลากมิติ และการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับการเชื่อมต่อในเซิร์ฟเวอร์ซึ่งเป็นจุดเด่นๆที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ในปัจจุบันและรองรับไปถึงการคาดการณ์พฤติกรรมของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในอนาคตอีกด้วย

User ได้รับความปลอดภัยในการคุ้มครองข้อมูล

ในปัจจุบันข้อมูลส่วนตัวบนโลกอินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งที่คนให้ความสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ เพราะมีหลายเหตุการณ์ที่เราสูญเสียความเป็นส่วนตัวหรือถูกลุกล้ำความเป็นส่วนตัวไป และโลกออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลายๆคน web 3.0 ต้องการแก้ปัญหาตรงจุดนี้จึงได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาเพื่อให้ครอบคลุมและให้ความคุ้มครองผู้ใช้งานทุกๆคนได้

เปิดโอกาสให้ user ผลิตคอนเทนต์

web 3.0 เล็งเห็นถึงพฤติกรรมผู้ใช้ที่เปลี่ยนจากการรับสารฝ่ายเดียว หรือการสื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลแล้วกลายมาเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์เนื้อหาต่างๆเองกันมากขึ้น จึงออกแบบมาโดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานทั่วไปสามารถผลิตคอนเทนต์เองได้ และยังสามารถสร้างรายได้จากคอนเทนต์เหล่านั้นได้อีกด้วย เพราะ web 3.0 ถูกออกแบบมาโดยนึกถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานเป็นหลัก ดังนั้น web 3.0 จึงปรับตัวและเปิดโอกาสการสร้างรายได้ตรงจุดนี้นั่นเอง

สนับสนุนสื่อ AR VR มากยิ่งขึ้น

เทคโนโลยีที่หมุนไปอย่างรวดเร็วและการมีอยู่ของ Metaverse ทำให้ web 3.0 พยายามปรับตัวมารองรับสื่อแห่งอนาคตอย่าง AR (Augmented Reality) ที่ดึงสิ่งต่างๆมาให้เราเห็นในโลกแห่งความเป็นจริง และ VR (Virtual Reality) ที่ดึงเราเข้าไปเห็นสิ่งต่างๆในโลกเสมือน ซึ่ง web 3.0 เห็นแล้วว่าทั้งสองสิ่งนี้คืออนาคตอันใกล้ที่ทุกคนจะได้มีโอกาสใช้งาน หรืออย่างน้อยคนส่วนมากจะได้มีส่วนร่วมในเทคโนโลยีนี้แน่นอน

การเชื่อมต่อในเซิร์ฟเวอร์มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

ความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการใช้งานไม่ว่าอะไรก็ตามและ web 3.0 ได้พัฒนาตัวเองให้มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นกว่า web 2.0 โดยการตั้งจุดเชื่อมต่อเน็ตเวิร์กให้อยู่ใต้เซิร์ฟเวอร์ที่ใครหลายๆคนให้ความเชื่อมั่น เรียกได้ว่าเป็นการปรับตัวที่พยายามคำนึงถึงความต้องการและความมั่นใจของผู้ใช้นั่นเอง


ความแตกต่างระว่าง web 3.0 กับ 2.0

ข้อแตกต่างระหว่าง web 3.0 กับ 2.0 

ความแตกต่างระหว่าง web 3.0 และเว็บรุ่นก่อนหน้ามีหลายข้อมาก แต่หลักๆมาจากการพัฒนาในทุกรูปแบบเพื่อรองรับเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้ใช้ในปัจจุบันต่อเนื่องจนถึงอนาคตนั่นเอง โดยแบ่งออกเป็น 4 ข้อความแตกต่างดังต่อไปนี้

การใช้งาน

การใช้งาน web 3.0 จะมีความปลอดภัยมากขึ้นเพราะมีการกระจายข้อมูลแบบ decentralized เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ทุกๆคนไม่ว่าจะใช้งานแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ต่างๆก็ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงจะใช้ AI (Artificial Intelligence) และ Smart Apps เข้ามาช่วยในการทำงานให้ระบบตรวจสอบข้อมูลได้ดีขึ้นอีกด้วย

นอกจากนี้การนำข้อมูลของผู้ใช้ไปใช้ใน web 3.0 จะต้องขอความยินยอมจากผู้ใช้ก่อน

การสร้างรายได้

คุณสามารถสร้างรายได้ด้วยเงินเหรียญดิจิตอลอย่าง Crypto ใน web 3.0 ได้ด้วย จึงมีช่องทางสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมา ตัวอย่างเหรียญดิจิตอลใน web 3.0 ได้แก่ Helium (HNT), Filecoin (FIL), Flux (FLUX) และ Theta (THETA) เป็นต้น

การสร้าง Content

การสร้าง Content ใน web 3.0 ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถสร้างคอนเทนต์ได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องรอการอนุมัติจากตัวกลาง คุณสามารถสื่อสารอย่างไร เมื่อไรก็ได้อย่างเสรี และการสร้างคอนเทนต์ของคุณก็สามารถสร้างรายได้ต่อไปได้อีกด้วย

กราฟฟิก

กราฟฟิกของ web 3.0 เป็นการพัฒนามาเพื่อตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีโดยเฉพาะเพราะเว็บรุ่นก่อนหน้าจะรองรับสื่อ 1-2มิติเป็นหลัก แต่ web 3.0 จะรองรับสื่อ 3 มิติหรือที่เรียกว่าสื่อ 3D เป็นต้นไป นั่นคือความเป็นไปได้ในกเติบโตที่ยังไม่สิ้นสุดนั่นเอง

สรุป

โดยสรุปแล้ว web 3.0 เป็นผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตที่ผ่านการพัฒนามาแล้วถึงสามรุ่นโดยคำนึงถึงพฤติกรรมของผู้ใช้เป็นหลักประกอบกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น web 3.0 จึงมีการปรับตัวหลายด้านมากๆไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัย การใช้งาน การสร้างรายได้ การผลิตคอนเทนต์และสื่อต่างๆที่สามารถปรากฎบน web 3.0 ได้ โดย web 3.0 มุ่งเน้นให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่ว่าใครก็สามารสร้างคอนเทนต์ของตนเองและสามารถสร้างรายได้บน web 3.0 ได้ทั้งนั้นโดยไม่ต้องมารอคอยตัวกลางอีกต่อไป ตลอดจนสามารถใช้เหรียญดิจิตัลอย่างเหรียญ Crypto ที่หลากหลายเพื่อเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ได้อีกด้วย 

ในด้านการพัฒนาของ web 3.0 ก็ถูกออกแบบมาให้รองรับโลก Metaverse ในอนาคตได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AR, VR สื่อสามมิติหรือมากกว่านั้น web 3.0 ก็เตรียมพร้อมพร้อมที่จะรองรับในทุกๆสื่อทุกๆแพลตฟอร์มเพื่อให้การบริการที่ดีและน่าเชื่อถือที่สุดแก่ผู้ใช้ทุกๆคน ดังนั้นในอนาคตที่ใกล้จะถึงนี้หากคุณเรียนรู้และเปลี่ยนมาใช้ web 3.0 ได้เร็วก็จะได้เปรียบมากกว่าคนอื่นๆนั่นเอง

By content