ปวดศีรษะไมเกรน คือ อาการปวดศีรษะตุบ ๆ เป็นจังหวะ มักจะเกิดขึ้นข้างเดียวแต่ก็สามารถปวดทั่วทั้งสองข้างได้ มีอาการปวดเบ้าตา ทนแสงจ้าหรือเสียงดังไม่ได้ ช่วงแรก ๆ อาจจะมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย และจะค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น ในผู้ป่วยบางรายมีอาการร่วมอื่น เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร บางรายปวดศีรษะจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้เช่นกัน
การรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนมีมากมายหลายวิธี เช่น กินยา นวดกดจุด หรืออาจจะเป็นการฝังเข็ม แต่วิธีที่ถูกพูดถึงอีกวิธีหนึ่งเลยก็คือ การฉีดโบท็อกไมเกรน
โบท็อกไมเกรนปลอดภัยและเป็นทางเลือกที่ดีจริงหรือไม่
ปัจจุบันการฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นหนึ่งในวิธีที่แพทย์นำมารักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะรุนแรง โดยการฉีดโบท็อกไมเกรนได้รับการรับรองจากองค์กรอาหารและยา US.FDA ตั้งแต่ปี 2010 ว่า สามารถช่วยรักษาและบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ดี จึงถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ส่วนในประเทศไทยการฉีดโบท็อกไมเกรนก็ได้รับการรับรองจากองค์กรอาหารและยาของไทยเช่นเดียวกัน
การฉีดโบท็อกไมเกรน คือ การฉีดสาร Botulinum toxin ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ลดความรุนแรงของการปวดศีรษะ หลังจากการฉีดโบท็อกไมเกรนตัวยาไม่ได้ออกฤทธิ์ในทันที แต่จะใช้เวลาในการออกฤทธิ์ประมาณ 3-4 วัน หลังฉีด ออกฤทธิ์สูงสุดในสัปดาห์ที่ 2 และฤทธิ์ยาอยู่ได้นาน 3 เดือน จึงจะค่อย ๆ หมดฤทธิ์ลง ผู้ป่วยที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนสามารถมาฉีดซ้ำได้อีก ทุก ๆ 3 เดือนตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การฉีดโบท็อกไมเกรน เป็นวิธีรักษาและบรรเทาอาการปวดศีรษะได้เป็นอย่างดี ผู้ที่มีอาการปวดควรได้รับการรักษาและรับคำแนะนำจากแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกไมเกรน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมการฉีดรักษาไมเกรนโดยเฉพาะ เพราะการรักษาไมเกรนจำเป็นต้องฉีดในตำแหน่งที่เฉพาะจุดและถูกต้องจึงจะช่วยให้อาการปวดบรรเทาลง รวมถึงสาร Botulinum toxin ที่ฉีดต้องเป็นของแท้ได้รับการรับรองด้วยเช่นกัน จึงจะช่วยลดอาการปวดได้อย่างดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น การฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นวิธีที่ปลอดภัยผู้ที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนจึงไม่ต้องกังวลในการรักษาด้วยวิธีนี้ อีกทั้งเมื่อเราทำการฉีดโบท็อกไมเกรนยังช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากได้อีกด้วย
การโบท็อกไมเกรน ตัวกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ คืออะไร และวิธีรักษาด้วยโบท็อกไมเกรน
ปวดศีรษะไมเกรน (Migraine headache) เป็นอาการปวดศีรษะที่ก่อให้เกิดการรบกวนในการใช้ชีวิตประจำวัน มีลักษณะอาการปวดศีรษะตุบ ๆ เป็นจังหวะ มักจะเกิดขึ้นข้างเดียวแต่ก็สามารถปวดทั่วทั้งสองข้างได้ มีอาการปวดเบ้าตา ไวต่อแสงจ้าและเสียงดัง แรกเริ่มของอาการมักจะมีอาการปวดเพียงเล็กน้อย และจะค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น ปวดมากขึ้นเมื่อมีการขยับศีรษะหรือร่างกาย บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะทั้งวัน จนรู้สึกหมดแรง คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
ปวดศีรษะไมเกรนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัย ส่วนใหญ่จะพบมากสุดในช่วงวัยรุ่นและผู้สูงอายุ โดยอาการปวดไมเกรนอาจเกิดจากการถูกกระตุ้น เช่น การพักผ่อนน้อย ความเครียดทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเครียดจากการเรียน หรือการทำงานที่เร่งรีบ การทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทำให้ต้องมองหน้าจอที่มีความสว่างจ้าเป็นเวลานาน หรือจะเป็นการถูกกระตุ้นด้วยกลิ่น เช่น ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ หรือจะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนก็สามารถเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาหารปวดศีรษะได้
ปวดศีรษะไมเกรนสร้างความรำคาญให้กับการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก หากไม่ได้รับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการปวดก็จะทำให้มีอาการปวดศีรษะไปทั้งวัน ผู้ที่มีอาการปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรังจึงจำเป็นต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อที่จะได้ทำการรักษาอาการปวดที่เกิดขึ้น เช่น การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน โดยแพทย์จะทำการฉีด Botulinum toxin ชนิด A ไปที่บริเวณระหว่างคิ้ว หน้าผาก ท้ายทอย ต้นคอ และบ่า ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการคลายตัว ลดอาการปวดศีรษะได้ถึง 60-70% โดยไม่ต้องทานยาแก้ปวดเป็นประจำ และฤทธิ์ยาโบท็อกไมเกรนอยู่ได้ 3 เดือน
สรุป
การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีสำหรับผู้มีอาการปวดไมเกรนเพียงแค่ฉีดโบท็อกไมเกรนตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็สามารถบรรเทาอาการปวดหัวที่รบกวนในการใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่ต้องกินยาแก้ปวดหัวเป็นประจำ สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องปวดศีรษะไมเกรนเรื้อรัง แนะนำ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทาง สามารถขอคำแนะนำและนัดเข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ สำหรับใครที่สนใจ ติดต่อสอบถามทางไลน์ @ayaclinic ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย