ดนตรีแนวบลูส์ เป็นตัวแทนของความเป็นรากทางแก่นดนตรี ทำความเข้าใจง่าย ๆ คือดนตรีบลูส์เป็นเหมือนต้นแบบของเพลงหลาย ๆ แนวที่ถักทอ ถ่ายทอด ออกมาเป็นเพลงแนวต่าง ๆ ในปัจจุบัน ดังนั้นประวัติศาสตร์ของเพลงบลูนั้นจึงมามีมาอย่างช้านาน โดยคำว่า Blues มีความหมายถึงความโศกเศร้า เจ็บปวด เนื้อหาจะออกแบบตัดพ้อ โศกเศร้า ดูดิบเถื่อน พูดถึงเซ็กส์อย่างตรงไปตรงมา มองโลกในแง่ร้าย แล้วอะไรคือต้นแบบของมัน
โดยเราจะมาเจาะลึก ความเป็นมาของดนตรีบลูส์ ว่าเสน่ห์ของความเป็นดนตรีโศก และสุนทรีทางอารมณ์ที่สร้างความโด่งดัง จนกลายเป็นรากฐานสำคัญของดนตรีแนวต่าง ๆ ในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร แล้วสร้างแนวเพลงใหม่ ๆ อะไรบ้าง
ดนตรีบลูส์ คืออะไร แตกต่างจากดนตรีแนวอื่นอย่างไร
ดนตรีบลูส์ หรือเพลงบลูส์ คือดนตรีที่มีการพัฒนามาอย่างหลากหลาย เพราะด้วยความที่ตัวการร้องและเครื่องดนตรีก็มีความหลากหลายเช่นเดียวกัน จึงมีองค์ประกอบเสียงที่มีความพิเศษ ละเอียดลออ มีความเป็นเอกลักษณ์ ดนตรีบลูส์รากของมันคือดนตรีที่กำเนิดในแถบแอฟริกัน จนได้รับความนิยมในทศวรรษที่ 20 ในอเมริกา จะมีความผสานดนตรีของชาวแอฟริกันบวกกับดนตรีคันทรี่ จนทำให้กำเนิดต้นแบบดนตรีสไตล์ต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็น ดนตรี Jazz, Rock and roll, จนพัฒนาออกมาเป็นแนวดนตรีที่หลากหลายในปัจจุบัน แต่เป็นรู้กันว่าดนตรีบลูส์เบื้องต้น จะเป็นแนวเพลงที่มีเนื้อหาที่ค่อนข้างสิ้นหวัง บอกถึงชีวิตและความตายที่เจ็บปวด ทรมาน มองไม่เห็นแสงสว่าง มีความโศก เหงา และมีความเดียวดาย ที่กล่อมให้ผู้ฟังรู้สึกได้ถึงเสียงกรีดร้องที่แสนนุ่มลึกถึงภายใน โดยเครื่องดนตรี และแนวทางการบรรเลงอย่างเป็นเอกลักษณ์
อีกทั้งดนตรี Blues ยังมีเบื้องหลังที่เจ็บปวดและทรงพลังมากกว่านี้ และเราจะได้เข้าใจความหมายของการร่ำไห้ผ่านเสียงบรรเลง และเสียงร้อง ที่ตอบโสตประสาทของผู้ฟัง ให้ได้รู้ว่า ทำไมดนตรีบลูส์ถึงเป็นได้ทั้งต้นแบบ และเป็นตำนาน เยียวยาหัวใจนักฟังเพลงมาจนถึงทุกวันนี้
ต้นกำเนิดของดนตรีบลูส์ ในอเมริกา เป็นอย่างไร
ดนตรีบลูส์ หากจะเริ่มต้นมันต้องเริ่มจากความเป็นดนตรีพื้นบ้านของชาวแอฟริกา แต่หากจะเล่าจากประวัติศาสตร์ที่มีการเริ่มเกิดดนตรี Blue แบบจริงจัง จะต้องเล่าจากจุดเริ่มต้นที่สหรัฐอเมริกา ที่สมัยนั้น มีการนำทาสผิวดำจากอีกฝั่งทวีป มากดขี่ และใช้แรงงาน โดยเฉพาะแรงงานเกี่ยวกับการทำไร่ทำสวน และทาสผิวดำ ไม่ได้รับการปฏิบัติเยี่ยงกับมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน ทั้งถูกเฆี่ยนตี ข่มเหงทางกายและใจ ไร้อิสรภาพ
และสิ่งที่เหล่าทาสผิวดำ ทำได้ในตอนนั้น อิสรภาพเดียวของพวกเขา คือการร้องรำ เต้น บรรเลงดนตรีด้วยความคับข้องใจ ในโลกนี้ ที่ช่างน่าสิ้นหวัง ประหนึ่งเสียงกรีดร้องที่มีท่วงทำนองสวยงาม นั่นเป็นต้นเหตุที่ดนตรีบลูส์ คือดนตรีต้นแบบของอีกหลายแขนง เพราะมันเต็มไปด้วยชีวิต และอารมณ์ที่เข้มข้น อัปเกรดดนตรีให้มีจิตวิญญาณมากขึ้น ประวัติ ดนตรีบลูส์ เริ่มเติบโตขึ้นเมื่อถึงช่วง ค.ศ. 1861-1865 Civil War และมีการเลิกทาสเกิดขึ้น
เมื่อเกิดการเลิกทาส เหล่าคนผิวดำ ก็ได้กระจายตัวออกไปทั่วอเมริกา ถ่ายทอดดนตรีบลูส์อันทรงเสน่ห์ ผู้คนต่างร่ำร้องในอิสรภาพที่ได้มา แม้บางคนยังคงเป็นลูกจ้าง แต่ก็ได้รับค่าตอบแทนอย่างสมน้ำสมเนื้อ แต่เบื้องหน้าของการเปลี่ยนแปลง กฎหมายเปลี่ยนได้ทันที แต่ผู้คน ไม่ได้เปลี่ยนได้ทันที ทำให้คนผิวดำ ยังคงกระอักกระอ่วนกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นานจนถึงปัจจุบัน แต่สำหรับดนตรีบลูส์ คือเส้นทางใหญ่ที่ทำให้ตัวแนวเพลงเติบโต และเป็นตำนาน
ดนตรี Blues อันเป็นที่จดจำระดับตำนานมีเพลงไหนบ้าง
- The Thrill Is Gone – B.B. King เป็นบทเพลงในตำนาน ที่หากใครนึกถึงดนตรีบลูส์ ก็จะนึกถึงบทเพลงนี้ และตัวนักดนตรีคนนี้อย่าง B.B. King ที่มีสไตล์การเล่นกีตาร์ที่โดดเด่น ไม่เหมือนใครในยุคสมัยนั้น และนำเพลงของ Roy Hawkins มาเป็นดนตรี Blues ที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าถึงอารมณ์ ถือเป็นเพลง Masterpiece ที่หากใครเริ่มฟังเพลงบลู จะต้องฟังเพลงนี้ก่อนเพลงแรก
- Cream – Sunshine Of Your Love เพลงนี้เริ่มต้นเมื่อปี 1967 ด้วยความเป็นดนตรีบลูส์ที่เน้นหนักไปทาง ไซเคเดลิกพร้อมกับความเป็นดนตรีฮาร์ดร็อก ที่มีความหนักหน่วง แต่ยังคงแนวป็อปที่ฟังง่าย ส่งผลให้เพลงได้เป็นตำนานของความเป็นเพลงบลู และ Rollingstone มอบเพลงนี้ให้เป็นหนึ่งในเพลงที่หล่อหลอมร็อกแอนด์โรลขึ้นมา
- Red House – Jimi Hendrix เป็นเพลงที่มีจุดเริ่มต้นเมื่อปี 1967 ที่มีความโดดเด่นของการเล่นกีตาร์ที่ถ่ายทอดโดย Jimi Hendrix อันโดดเด่น และแตกต่างจากการบรรเลงกีตาร์ทั่วไปในยุคสมัยนั้น และเนื้อหาในบทเพลงที่ถึงใจ พูดถึงความสูญเสีย และการหาทางออกสำหรับปัญหา เป็นดนตรีบลูส์ที่เป็นเอกลักษณ์และดนตรีร็อกของ Jimi Hendrix ส่งผลให้เขาเป็นนักดนตรีในตำนานอีกท่านหนึ่ง
- Hoochie Coochie Man – Muddy Waters เพลงนี้มีจุดเริ่มต้นจาก Willie Dixon ที่เป็นนักดนตรีบลูส์ระดับตำนาน ที่มีความโดดเด่น และ Muddy Waters ได้ขับร้องบทเพลงนี้ในปี 1954 ซึ่งมีกลิ่นอายของความเป็นเพลงพื้นบ้านของชาวแอฟริกัน ถือเป็นเพลงที่มีอิทธิพลของความเป็นดนตรีบลูส์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งแนวเพลงที่โดดเด่น เข้าขั้นเพลงครู ที่มีเทคนิคเฉพาะมากมายสำหรับการแต่งเพลง
- Three O’Clock Blues – B.B. King เป็นอีกเพลงของราชาเพลงบลูส์ คือ Three O’Clock Blues ที่เป็นงาน Cover โดยต้นแบบเพลงมาจาก Lowell Fulson และยังคงความโดดเด่นในการสร้างอารมณ์ที่เข้มข้นผ่านการเล่นกีตาร์ที่มีความโดดเด่น จับต้องถึงความรู้สึกได้ดี จนเพลงนี้ค้างฟ้าอยู่บนชาร์จเพลง R&B ถึง 5 สัปดาห์ ส่งผลให้ B.B. King คือราชาเพลงบลูส์ที่ไม่มีใครลืมเอกลักษณ์นี้ไปได้
สรุป
โดยรวมแล้ว ดนตรีบลูส์ เป็นเหมือนตำนาน และต้นกำเนิดแนวเพลงอันหลากหลาย โดยมาจากเอกลักษณ์ของการใช้เครื่องดนตรี และเล่นด้วยองค์ประกอบ ท่วงทำนองที่แปลกใหม่ นอกจากนี้ดนตรีแนวบลูส์ ยังไม่ใช่แค่แนวเพลง แต่ยังมีจิตวิญญาณของอารมณ์ และความรู้สึกที่ส่งผลให้ ดนตรีกลายเป็นสิ่งที่จรรโลงจิตใจของผู้คนทั่วโลกได้จริง