ไอเทมปกป้องผิวจากแสงแดดที่สาว ๆ ขาดไม่ได้เลยนั่นคือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวอย่างครีมกันแดด เพราะแดดทำร้ายผิวมากกว่าที่คิดไม่ว่าจะเป็นฝ้า กระ ริ้วรอย ผิวหน้าแก่ก่อนวัย รวมถึงปัญหาผิวหมองคล้ำสีผิวไม่สม่ำเสมออีกด้วย ดังนั้นจึงควรปกป้องผิวจากรังสี UV ด้วยครีมกันแดดทุกวัน และจะทาครีมกันแดดหน้าให้มีประสิทธิภาพควรทาประมาณ 1 ข้อนิ้วเป็นปริมาณที่เหมาะสม
ครีมกันแดดยังมีให้เลือกใช้หลายแบบ เช่นกันแดดผสมรองพื้น กันแดดสำหรับเด็ก กันแดดผิวกายเป็นต้น นอกจากนี้กันแดดยังมีค่า spf และ pa ที่เป็นส่วนผสมในครีมกันแดดแล้วจะเลือกกันแดดแบบไหนเหมาะกับสภาพผิวของของเรา บทความนี้มีคำตอบ !!
ครีมกันแดด คืออะไร
ครีมกันแดด คือ ผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันผิวจากแสง UV หรือรังสีอัลตราไวโอเลต มีทั้ง SPF ที่ปกป้องผิวจาก UVB และ PA ปกป้องผิวจาก UVA ช่วยปกป้องผิวจากแดงแดดซึ่งเป็นสาเหตุทำร้ายผิวทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังและสร้างเม็ดสีเมลานินทำให้ผิวคล้ำได้ ครีมกันแดดจึงเป็นตัวช่วยสะท้อนแสง UV และปกป้องผิวหนังชั้นลึกได้
ประเภทของครีมกันแดด
หลายคนที่ยังไม่ทราบว่าครีมกันแดดที่ทาประจำอยู่ทุกวันนั้น เป็นครีมกันแดดประเภทไหนทั้งครีมกันแดดทาตัว หรือครีมทาผิวกันแดดทาหน้า ทั้งนี้กันแดดมี 3 ประเภทด้วยกันคือ Hybrid sunscreen Chemical sunscreen Physical sunscreen ทั้ง 3 ประเภทจะมีข้อแตกต่างแบบไหนบ้าง ดังนี้
Hybrid sunscreen
ครีมกันแดดประเภทที่ 1 Hybrid sunscreen เป็นสารกันแดดที่รวมกันแดดอีก 2 ประเภทคือ Physical และ Chemical เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ครีมกันแดดประเภทนี้มีจุดเด่นในเรื่องการป้องกันแสงแดดได้ทั้งแบบดูดซับและสะท้อนรังสีไปในตัว และมีคุณสมบัติพิเศษคือเนื้อสัมผัสบางเบา ไม่ขาววอกเมื่อทาลงบนผิว ปกป้องแสง UV ได้ยาวนาน เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ที่สำคัญทาแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ
Chemical sunscreen
ต่อมาเป็นครีมกันแดดประเภท Chemical sunscreen หรือครีมกันแดดผิวที่มีส่วนผสมของสารเคมีที่ทำหน้าที่ป้องกันแสงแดด ครีมกันแดดประเภทนี้จะดูดซับรังสีเข้าไว้ในผิวหลังจากโดนแดดจะเสื่อมสภาพลง ทำให้ต้องทากันแดดทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง ครีมกันแดด Chemical sunscreen จึงไม่เหมาะกันคนที่ผิวแพ้ง่าย เพราะครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ จะมีส่วนผสมของสารเคมีปริมาณมากส่งผลให้ระคายเคียงผิว แต่ยังมีข้อดีคือไม่มีสี ไม่มีกลิ่น และบางเบา เหมาะกับผู้ที่ไม่ชอบกันแดดที่มีความเหนียวเหนอะหนะ
Physical sunscreen
ครีมกันแดดประเภทสุดท้ายคือ Physical sunscreen เป็นกันแดดที่มีส่วนผสมของสารที่สามารถสะท้อนรังสี UVA และ UVB ออกจากผิวหนังจะแตกต่างจาก Chemical ที่ะดูดซับรังสีเข้าไว้ในผิวและยังระคายเคืองต่อผิวหนังน้อยกว่าด้วย มีข้อดีคือเมื่อทาบนผิวหนังแล้วจะให้สีที่มีความขาวมากเพราะกันแดดจะเคลือบผิวหนังชั้นบน ทำให้ UV ดูดซึมสู่ผิวน้อยเหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย
วิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง
นอกจากจะเลือกประเภทของโลชั่นกันแดดให้ตรงกับสภาพผิวแล้ว ต้องทาครีมกันแดดให้ถูกต้องเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย มาดูกันว่าวิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องมีอย่างไรบ้างดังต่อไปนี้
มีการเติมครีมกันแดดระหว่างวัน
ในแต่ละวันเราต้องเผชิญหน้ากับแสงแดดที่ทั้งร้อนทั้งแสบผิว หากอยากทากันแดดระหว่างวันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันผิวจากแสงแดดนั้น สามารถทาครีมกันแดดระหว่างวันได้ เช่นการใช้แป้งที่มีส่วนผสมสารกันแดดทาระหว่างวันก็ใช้ได้เช่นกัน
ทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 30 นาที
สำหรับใครที่ชื่นชอบการทำกิจกรรมทางน้ำหรือกิจกรรมที่อาจจะมีเหงื่อออกในปริมาณมาก ๆ วิธีทาครีมกันแดดก่อนออกแดดประมาณ 15 – 30 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดซึมเข้าสู่ผิวก่อนจะช่วยให้กันแดดมีประสิทธิภาพมากกว่าเพราะไม่เช่นนั้นกันแดดจะละลายไปกับน้ำหรือเหงื่อได้
เลือกกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำ
ครีมกันแดดมีหลายแบบควรใช้ให้ถูกต้องตามความต้องการเช่น ว่ายน้ำ ดำน้ำ หรือกิจกรรมที่เกี่ยวกับน้ำและกิจกรรมที่มีเหงื่อออกเยอะ ๆ ก็ควรเลือกใช้เลือกกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำจึงจะเหมาะสม
วิธีการเลือกใช้ครีมกันแดด
เมื่อทราบวิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้องก็ต้องมีวิธีการเลือกใช้ครีมกันแดดที่ถูกต้องเช่นกัน แล้วจะเลือกใช้ครีมกันแดดแบบไหนให้ถูกต้อง มี 3 วิธีดังต่อไปนี้
เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว
สภาพผิวของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันการเลือกใช้ครีมกันแดดจึงต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย โดยครีมกันแดดจะได้ 3 แบบ คือ ครีมกันแดดสำหรับคนผิวมัน ครีมกันแดดสำหรับคนผิวแห้ง ครีมกันแดดสำหรับคนผิวแพ้ง่าย
เลือกที่มีค่า spf มากกว่า 30
ทำไมต้องเลือกครีมกันแดดที่มีค่า spf มากกว่า 30 เพราะสภาพอากาศที่ร้อนจัดและแสงแดดที่ร้อนแสบผิวหน้าและผิวกาย การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า spf มากกว่า 30 ถึงจะเพียงพอในการป้องกันผิวจากแสงแดด
เลือกกันแดดที่มีคุณสมบัติกันน้ำ
จากที่กล่าวไปข้างครีมกันแดดมีให้เลือกใช้หลายแบบ ดังนั้นควรเลือกใช้ให้เหมาะกับกิจกรรมที่ต้องการเช่น ครีมกันแดดกันน้ำที่สามารถเลือกซื้อได้ยกตัวอย่างเช่น Water resistance (40 minutes) คือ ครีมกันแดดสามารถกันน้ำได้นาน 40 นาที
ค่า spf และ pa ในครีมกันแดด
ลองหยิบกันแดดที่ใช้อยู่ประจำแล้วมาดูไปพร้อมกันว่าครีมกันแดดที่คุณใช้อยู่มีค่า spf หรือ ค่า pa หรือไม่ แล้วมีค่า spf pa มีอยู่เท่าไหร่เพียงพอต่อความต้องการของกิจกรรมในแต่ละวันของคุณหรือไม่
ค่า spf ในครีมกันแดด
ค่า spf ในครีมกันแดดเป็นตัวป้องกันผิวจากรังสี UVB และจะมีเลขบ่งบอกด้วยเช่น SPF30 SPF50 ตัวเลขจะบ่งบอกระยะเวลานานเท่าใดในการป้องกันผิวเมื่อสัมผัสกับแสงแดด หากมีค่า SPF มากระยะเวลาที่ผิวที่ทนแสงแดดจะมีค่ามากเท่านั้น
ค่า pa ในครีมกันแดด
ครีมกันแดดที่มีPA คือกันแดดที่ปกป้องผิวจาก UVA ซึ่ง +++ หมายถึงประสิทธิภาพในการป้องกันรังสีจาก UVA ดังนั้นสำหรับใครที่ต้องเผชิญแดดเป็นประจำต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า PA ++ จนถึง ++++ ตามลำดับ ยิ่งมีค่า + มาก ประสิทธิภาพในการปกป้อง UVA มีมากยิ่งขึ้นด้วย